นครศรีธรรมราช - คืบหน้าคดีขโมยหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณ ตำรวจเผยผู้ซื้อโดยสุจริตสามารถแจ้งความดำเนินคดีฉ้อโกงต่อผู้ขายได้ เพื่อเรียกเงินที่เสียไปคืนมา ด้านผู้ประสานงานศูนย์ฯ ขอผู้ส่งคืนประสาน จนท.เพื่อเอาผิดคนร้าย
วันนี้ (26 ก.ค.) ทันทีที่คณะสงฆ์ศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับพัสดุซึ่งภายในเป็นหนังสือบุดจากผู้ครอบครองที่คณะสงฆ์เปิดโอกาสให้ส่งกลับคืน คณะสงฆ์จึงได้ร่วมกันสวดอนุโมทนาและสวดสมโภชหนังสือบุด ซึ่งในวันนี้ได้รับจากจังหวัดชลบุรี 4 เล่ม ซึ่ง 3 ใน 4 เล่มนั้นเป็นเล่มสำคัญที่เคยอยู่ในตู้โชว์ขนาดใหญ่ในศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
และอีกจำนวนหนึ่งที่ผู้ครอบครองได้ส่งผ่าน พ.ต.ท.จรินทร์ ขาวเอี่ยม รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อตรวจนับพบว่ามาจากผู้ครอบครองจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่นำมาส่งมอบด้วยตัวเอง จำนวน 34 เล่ม โดยรายนี้ได้มาแสดงความบริสุทธิ์พร้อมเป็นพยานในคดี โดยระบุว่า ได้ซื้อในราคา 4 หมื่นบาทจาก นายฐิติพงศ์ ศิริเวช ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไว้ได้แล้ว และอีก 20 เล่ม จากผู้ครอบครองในกรุงเทพมหานคร
พระครูเหมเจติยาภิบาล พระสงฆ์ผู้ประสานงานรับบิณบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยนครศรีธรรมราช ระบุว่า ในส่วนผู้ครอบครอบจากจังหวัดชลบุรี ได้จัดส่งหนังสือบุดชุดนี้กลับรวมทั้งแสดงความเสียใจที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเขาได้ซื้อโดยสุจริตใจเชื่อว่าเป็นหนังสือบุดของผู้ขายจริงๆ และเมื่อเขารู้ว่าวันนี้จะมีการเปิดกล่องทางผู้ส่งคืนก็ได้ทำบุญไปด้วยกัน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าของหนังสือบุดตัวจริงที่ส่งมอบให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏ
สำหรับ 2 ใน 4 เล่มที่ได้รับจากจังหวัดชลบุรีพบว่าเป็นเล่มสำคัญที่เคยผ่านการทอดพระเนตรจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อคราวเสด็จมาเปิดศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2537 ประกอบด้วย คัมภีร์พระมาลัย วัดใหญ่ชัยมงคลนครศรีธรรมราช 1 เล่ม คัมภีร์พระมาลัยฉบับลุงอ่ำ ศรีสมพุทธ ที่มอบให้ไว้ 1 เล่ม และอีก 2 เล่ม อยู่ระหว่างตรวจสอบ เป็นพระมาลัยทั้ง 2 เล่ม โดยจำนวน 4 เล่มนี้ผู้ส่งคืนไม่แจ้งว่าซื้อไปในราคาเท่าไหร่
ส่วนจำนวนหนังสือบุดที่ได้รับคืนกลับมาทั้งจากศูนย์รับบิณฑบาต และจากทางพนักงานสอบสวนขณะนี้มีจำนวนรวม 148 เล่ม จากที่แจ้งไว้ 309 เล่ม แต่กำลังพบหลักฐานว่ามีทรัพสินอย่างอื่นหายเพิ่มเติมไปอีกจำนวนมาก
นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้ประสานงานศูนย์รับบิณฑบาตหนังสือบุดสมุดข่อย ได้แสดงความเห็นถึงผู้ที่ได้ส่งคืนหนังสือบุดสมุดข่อย อาจจะมีส่วนช่วยเจ้าหน้าที่ในการให้ข้อมูล เช่น ส่งรายละเอียดการซื้อ ซื้อจากที่ไหนอย่างไร เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทำงานสะดวกในการดำเนินคดีต่อคนร้ายตัวจริง
ขณะที่ พ.ต.ท.จรินทร์ ขาวเอี่ยม รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่า ผู้ที่ซื้อไปโดยสุจริตถือเป็นผู้เสียหาย เช่น ผู้ที่นำมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่พร้อมแสดงตัวบอกว่าเขาได้สอบถามผู้ขายแล้วอ้างว่าเป็นของผู้ขายที่สะสมมานาน เขาจึงเชื่อและได้ซื้อไป ดังนั้นผู้ที่ซื้อไปจึงอยู่ในฐานะผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายคืนได้ โดยผู้ที่ซื้อไปนั้นสามารถที่จะมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาให้ข้อมูลแล้วนำบันทึกประจำวันไปแจ้งความดำเนินคดี ตนเองพร้อมที่จะออกให้ จากนั้นสามารถไปแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ที่ขายไปนั้นจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งค่าซื้อ ค่าเดินทางนำมาคืนเจ้าหน้าที่ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง หากไม่ชำระสามารถที่จะยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหามาขายเพื่อเอาเงินเยียวยาได้
ขณะเดียวกัน ผู้เกี่ยวข้องได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากหนังสือบุดโบราณ อาวุธโบราณที่ถูกโจรกรรมแล้ว ยังพบว่ามีการโจรกรรมหนังสือเก่าอีกจำนวนมาก เป็นหนังสือที่ถูกเก็บอยู่บนชั้น 2 ของอาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ขณะนี้มีผู้ซื้อมาให้ข้อมูลและเอาหนังสือมาตรวจสอบแล้ว พบว่ามีตำหนิสัญลักษณ์ที่อยู่ในหนังสือถูกต้อง แสดงว่ามีทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมากที่หายไป แต่ทางศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ไม่มีทะเบียนควบคุมหรือทะเบียนอาจสูญหายถูกทำลายหลักฐานไปก่อนหน้านี้