xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำท้องถิ่น-ชาวบ้านโวยอดีตผู้บริหารเทศบาล ต.บางลึก โยกโครงการสร้างถนน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ชุมพร - ผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านโวย
ผู้บริหารเทศบาลตำบลบางลึก ทำไม่ถูกโยกโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตหมู่ 10 ไปสร้างในหมู่ที่ 9 ร้องเรียน ป.ป.ช.จังหวัด กลับยกคำร้องอ้างเหตุผลแค่ประชาชนได้ประโยชน์ร่วม เตรียมเดินหน้าแจ้งความฟ้องศาลเอง






วันนี้ (20 ก.ค.) นายยศพนธ์ พรหมทัต ประธานสภาเทศบาลตำบลบางลึก นายปรีชา สมบัตินา รองนายกฯ นายพรั่ง เกิดมาลัย ที่ปรึกษานายกฯ นายวิพันธ์ สกุลนิมิตร รองประธานสภาฯ นายธรรมนูญ ศรีสงคราม ส.ท.บางลึก นายวิวัฒน์ คล้ายอักษร ส.ท.บางลึก นายชุมพล องอาจ เลขานุการนายกฯ นายวิทยา พลวัชรินทร์ ส.ท.บางลึก นายนาวิน คล้ายอักษร ทนายความ นายสุพร โทธานี ตัวแทนชาวบ้านหมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก พร้อมชาวบ้านกว่า 20 คน

นำผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบพื้นที่โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายศรีเมือง ที่สภาเทศบาลตำบลบางลึก อนุมัติโครงการก่อสร้างจากจุดเริ่มต้นบริเวณปากทางเชื่อมกับถนนสายดอนรักษ์ หมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร ระยะทาง 200 เมตร กว้าง 5 เมตร หนา 0.15 เมตร งบประมาณ 604,00 บาท เริ่มสัญญาวันที่ 26 มีนาคม 2554 วันสิ้นสุดสัญญา 24 พฤษภาคม 2554 แต่ไม่มีการก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าวจริง เนื่องจากผู้บริหารเทศบาลตำบลบางลึกในสมัยนั้นได้โยกย้ายโครงการไปก่อสร้างในพื้นที่ถนนสายศรีเมืองบริเวณปากทางจุดเชื่อมกับถนนสายพรหมประทาน ช่อง 5-บ่อนไก่ หมู่ที่ 9 ตำบลบางลึก ที่อยู่ห่างกันเกือบ 3 กิโลเมตร ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาจ้างและไม่เป็นไปตามที่สภาเทศบาลตำบลบางลึกอนุมัติงบประมาณโครงก่อสร้างถนนดังกล่าว

นายนาวิน คล้ายอักษร ทนายความกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ได้มีชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นหมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก มอบอำนาจให้ตนนำหลักฐานโครงการทั้งหมดและการแก้ไขข้อความในสัญญาจ้างไปร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชุมพร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่ออดีตผู้บริหารเทศบาลตำบลบางลึก ที่กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่โดยการนำโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตถนนสายศรีเมืองหมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก ไปก่อสร้างที่ถนนสายศรีเมืองพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลบางลึก ซึ่งอยู่ห่างกันเกือบ 3 กิโลเมตร โดยไม่มีการนำเรื่องเข้าสู่สภาฯเพื่อมีมติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างใหม่จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

นายนาวิน กล่าววว่า ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ชุมพร เพียงว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ จนผ่านไปนานกว่า 5 ปี จึงได้ไปตามเรื่องที่ ป.ป.ช.กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าบอกว่า ป.ป.ช.จังหวัด ไม่ได้ส่งเรื่องมาที่ ป.ป.ช.ส่วนกลาง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 63 ตนพร้อมด้วยผู้นำชุมชนและชาวบ้านได้ไปยื่นหนังสือสอบผลการตรวจสอบจากสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชุมพร


นายนาวิน กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 63 ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ชุมพร มีหนังสือแจ้งมายังตนระบุว่า “สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชุมพรได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้คณะไต่สวนเบื้องต้นดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณารับฟังข้อเท็จจริงได้ ว่า การก่อสร้างถนนสายดังกล่าว เทศบาลตำบลบางลึก ดำเนินการก่อสร้างตามแบบแปลนการก่อสร้างที่กำหนดจุดเริ่มต้นจากปากทางเข้าซอยถนนศรีเมืองเชื่อมกับถนนพรหมประทาน ช่อง 5-บ่อนไก่ ทั้งนี้ ผู้สำรวจ ผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมการก่อสร้างต่างยืนยันว่าได้สำรวจออกแบบและควบคุมการก่อสร้างตามจุดและแบบแปลนที่แนบท้ายสัญญาจ้าง

อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ถนนที่เรียกว่าถนนหรือซอยศรีเมืองนั้นมีระยะทางประมาณ 1-2 กิโลเมตร พื้นที่คาบเกี่ยวหมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 10 หมู่ 11 และหมู่ 12 ตำบลบางลึก รวมไปถึงราษฎรในท้องที่ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ หากจะเดินทางเข้าเมืองชุมพร หรือจะไปยังถนนสายเอเชีย 41 สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวอย่างทั่วถึง จึงรับฟังไม่ได้ว่าสร้างเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ราษฎรหมู่ 9 เพียงหมู่เดียว จึงไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอรับฟังได้ว่าอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางลึกในครั้งนั้นกับพวกได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ข้อกล่าวหาตกไป”

นายเนวิน กล่าวต่อว่า ตนในฐานทนายความรู้สึกแปลกใจและตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็นว่าทำไม ป.ป.ช.ชุมพร ซึ่งต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก แต่มองแค่ว่าประชาชนมีประโยชน์ร่วมกัน ไม่ได้ดูที่มติสภาฯ ที่อนุมัติโครงการและสัญญาว่าจ้างโครงการที่กำหนดให้สร้างในหมู่ที่ 10 ทั้งที่มีหลักฐานเห็นอยู่เต็มตาว่าการก่อสร้างถนนดังกล่าวอยู่กันคนละหมู่บ้านและคนพื้นที่กันอย่างชัดเจนไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง และไม่เป็นไปตามที่สภาเทศบาลตำบลบางลึกอนุมัติงบประมาณโครงการก่อสร้าง แม้จะเป็นถนนสายเดียวกันแต่อยู่คนละหมู่บ้านห่างกันเกือบ 3 กิโลเมตร หากวินิจฉัยในลักษณะนี้ต่อไปก็จะเป็นแบบอย่างในการเลี่ยงบาลีเลี่ยงกฎหมายอาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคต จึงต้องเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป

ด้าน นายชุมพล องอาจ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลบางลึก กล่าวว่า ถนนสายดังกล่าวเดิมเป็นถนนลูกรัง ต่อมาปี พ.ศ.2545 เทศบาลตำบลบางลึกอนุมัติโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระยาะทาง 200 เมตร งบประมาณกว่า 6 แสนบาท กำหนดตามสัญญาจ้างก่อสร้างจากปากทางเข้าถนนสายศรีเมืองเชื่อมกับถนนสายดอนรักษ์ หมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่กว่า 10 ครัวเรือน แต่การก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญาว่าจ้างและเป็นไปตามที่อนุมัติงบประมาณโครงการ


ผู้บริหารในยุคนั้นกลับใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบย้ายไปสร้างในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลบางลึก แม้จะเป็นถนนสายเดียวกันแต่อยู่คนละหมู่บ้านห่างกันเกือบ 3 กิโลเมตร ทำให้ชาวบ้านหมู่ที่ 10 ต้องร้องเรียนไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง และ ป.ป.ช.จังหวัดชุมพร เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

“การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกฎหมาย กฎระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 เรื่องประโยชน์และแก้ไขเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ข้อ 29 ระบุว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำชี้แจงงบประมาณรายจ่ายในหมวดครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง ที่ทำให้ลักษณะ ปริมาณ คุณภาพเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง ให้เป็นอำนาจอนุมัติของสภาท้องถิ่น คือ หากมีการเปลี่ยนแปลงโครงการใดๆ ผู้บริหารจะต้องนำเข้าสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ทำได้ ไม่ใช่ผู้บริหารจะดำเนินการเองได้เลย” นายชุมพล กล่าว

นายชุมพล กล่าวต่อว่า การที่ ป.ป.ช.ชุมพร วินิจฉัยคำร้องและตีตกเรื่องนี้ถือว่าไม่ยึดหลักกฎหมาย หากลงไปตรวจสอบในพื้นที่จริงๆ จะเห็นชัดเจนว่าการก่อสร้างถนนดังกล่าวได้เอาโครงการของหมู่ที่ 10 ไปสร้างในหมู่ที่ 9 อยู่ห่างกันเกือบ 3 กิโลเมตร แม้จะเป็นถนนสายเดียวกันแต่อยู่คนละหมู่บ้าน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บ้านพรรคพวกที่มีอยู่เพียงหลังเดียว ขณะที่หมู่ 10 มีราษฎรอาศัยอยู่กว่า 10 ครัวเรือน

ที่สำคัญมีหลักฐานใบฎีกาเบิกเงินก็ระบุชัดเจนว่าเป็นโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กหมู่ที่ 10 ตำบลบางลึก แต่ทำไมถนนไปสร้างอยู่หมู่ที่ 9 ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเดินหน้าหาความยุติธรรมต่อไปโดยสมาชิกสภาฯ ได้ร่วมกันลงชื่อนำเรื่องเข้าพิจารณาในสภาเทศบาลฯ เพื่อลงมติให้นายกฯ และผู้บริหารชุดปัจจุบันนี้นำหลักฐานไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสอบ สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น