xs
xsm
sm
md
lg

สำนักข่าวเกียวโดบุกพิสูจน์ลิงกังขึ้นมะพร้าว ชื่นชมไม่ใช่การทารุณกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชุมพร - สำนักข่าวเกียวโด ญี่ปุ่น บุกพิสูจน์ลิงกังขึ้นมะพร้าวที่ชุมพร เป็นภูมิปัญญาวิถีชีวิตชาวบ้าน ชื่นชมควรอนุรักษ์ไว้ไม่ใช่ทารุณกรรมสัตว์ตามที่ “พีต้า” กล่าวหาแต่อย่างใด

Mr.Toshihisa Onishi จากสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทีมข่าวและล่าม ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านบางมั่น หมู่ที่ 18 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อพิสูจน์ดูชีวิตความเป็นอยู่ของลิงกังขึ้นมะพร้าว ที่กำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ จากกรณีองค์กรมนุษย์เพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม หรือ PETA (พีต้า) เผยแพร่คลิปวิดีโอรายงานอ้างว่า ในประเทศไทยมีการบังคับให้ลิงกังทำงานเหมือนกับใช้เครื่องจักรให้ขึ้นมะพร้าววันละนับพันลูกถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ จึงส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศอังกฤษและยุโรปสั่งเก็บกะทิและผลิตภัณฑ์มะพร้าวออกจากห้างจนเกิดกระแสวิพากษ์อยู่ขณะในนี้นั้น

การลงพื้นที่ของสำนักข่าวดังจากประเทศญี่ปุ่น ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะเป็นข่าวดังระดับโลกที่ส่งผลต่อผลผลิตมะพร้าวในประเทศไทยอย่างแน่นอน สำหรับ จ.ชุมพรนั้นมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากกว่า 1 แสนไร่ โดยเฉพาะหมู่บ้านบางมั่น ตำบลนาพญา ถือเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวจำนวนมาก


นายเสน่ห์ คงสุวรรณ ประธานชมรมผู้เลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าว จ.ชุมพร นายจินตการ พรหมสุวรรณ รองนายกสมาคมชาวสวนมะพร้าว จ.ชุมพร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้เกี่ยวข้องในท้องที่มาร่วมให้การต้อนรับคณะของผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงพร้อมกับให้ถ่ายทำบันทึกภาพการใช้ลิงกังขึ้นมะพร้าว ชีวิตความเป็นอยู่ของลิงกัง และเจ้าของซึ่งเป็นไปตามวิถีชีวิตความรักความผูกพันระหว่างคนกับลิงกังในชีวิตประจำวันที่สืบทอดมาแต่โบราณหลายชั่วอายุคนแล้ว เพื่อให้ผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศได้เห็นกับสายตาตนเองว่าการเลี้ยงลิงกังไว้ขึ้นมะพร้าวนั้นเจ้าของจะเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างดีมากกว่าการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นๆ

นายเสน่ห์ คงสุวรรณ ประธานชมรมผู้เลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าว จ.ชุมพร ได้ถ่ายทอดเรื่องราวถึงความเป็นมาของการเลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าวใน จ.ชุมพรให้ Mr.Toshihisa Onishi จากสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น ฟังว่า การเลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าวนั้นมีมาตั้งแต่โบราณรุ่นปู่ย่าตายาย และปัจจุบันการเลี้ยงดูลิงกังนั้นไม่ได้จับมาจากป่าธรรมชาติ เพราะลิงกังเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แต่ผู้ที่เลี้ยงลิงกังอยู่ทุกวันนี้เป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนและฝังไมโครชิปการครอบครองลิงกังไว้กับทางราชการก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นสัตว์คุ้มครอง

“สำหรับลิงกังที่ใช้ขึ้นมะพร้าวได้มีการเลี้ยงขยายพันธุ์มาจากพ่อแม่พันธุ์ที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เมื่อเติบโตก็จะนำมาฝึกหัดให้ปั่นลูกมะพร้าวจนชำนาญ จนรู้หน้าที่ รู้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างทำงาน พอมีอายุมากกว่า 3 ปี จึงจะนำไปทำงานขึ้นมะพร้าว ในแต่ละวันหนึ่งจะขึ้นมะพร้าวตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. มีพักเที่ยงกินอาหารเช่นเดียวกับเจ้าของ และลิงกัง 1 ตัวจะขึ้นมะพร้าวได้ประมาณ 300 ลูก บางคนมีลิงกัง 2-3 ตัว ก็จะขึ้นมะพร้าวรวมกันได้มากนับพันลูก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะจัดหาอาหารให้ลิงกังได้กินอย่างดี รวมถึงการสร้างที่อยู่ให้แก่ลิงกังได้หลับนอนในตอนกลางคืนเพื่อให้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่”


นายเสน่ห์ กล่าวต่อว่า ผู้ที่จะเลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าวใน จ.ชุมพร ทุกคนได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการแล้วซึ่งจะมีกฎหมายควบคุมและมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทรมานทารุณกรรมลิงกังขึ้นมะพร้าว หากมีการทรมานทารุณกรรมลิงกังมันก็จะไม่สามารถทำงานขึ้นมะพร้าวให้แก่เราได้เลย เพราะมันจะเกิดอาการดื้อและต่อต้านไม่ยอมขึ้นอย่างแน่นอน

ด้าน Mr.Toshihisa Onishi ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวกับเจ้าของลิงกังและชาวสวนมะพร้าวผ่านล่าม ว่า ที่ตนมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาดูมาพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับสายตาว่าการฝึกสอนลูกลิงกังให้เก็บลูกมะพร้าว กับการให้ทำงานลิงกังขึ้นมะพร้าวจริง ๆ

และการเลี้ยงดูชีวิตความเป็นอยู่หลังลิงกังทำงานขึ้นมะพร้าวเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นภูมิปัญญาและวิถีชีวิตดั้งเดิม เพราะลิงกังถูกฝึกหัดเรียนรู้จนรู้หน้าที่ตัวเองและวิ่งขึ้นปั่นลูกมะพร้าวด้วยความชำนาญตามที่มีการฝึกฝนมาโดยใช้ภาษาที่สื่อสารเข้าใจระหว่างกัน ไม่มีการบังคับทุบตีแต่อย่างใด และยังมีความผูกพันความเอื้ออาทรซี่งกันและกันระหว่างคนกับลิงกัง ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาวิถีชีวิตของคนไทยที่ควรจะอนุรักษ์ไว้ และตนจะได้นำเสนอข่าวให้คนทั่วโลกได้รับรู้ตามที่ได้ลงพื้นที่พบเห็นมากับสายตาตัวเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น