xs
xsm
sm
md
lg

อีก 1 คดีจากเจ้าเก่า! “บรรจง นะแส” ถูกฟ้องหมิ่นประมาทเหตุโพสต์หาทางออกให้ทะเลไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “บรรจง นะแส” โพสต์หมายเรียก บอกมาอีกแล้ว 1 คดี เจ้าเก่าฟ้องคดีหมิ่นประมาท ชี้เขียนแค่นี้ต้องส่งหมายมาให้ ขอบคุณที่ไม่แจ้งความที่แม่ฮ่องสอน บอกดีจะได้อธิบายให้ตำรวจ อัยการ ศาลเข้าใจว่า เครื่องมือทำการประมงชนิดไหนทำลายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน จนทำให้ทะเลวิกฤต

วันนี้ (30 มิ.ย.) นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย ได้โพสต์ในเพจ “บรรจง นะแส ฝ่าเกลียวคลื่น พลิกฟื้นทะเลไทย” เป็นภาพหมายเรียกในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยมีนายทวี แพใหญ่ อดีตกำนัน ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และเป็นเจ้าของเรือหลายลำ เป็นผู้กล่าวหา อ้างจากกรณีที่นายบรรจง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กชื่อ “บรรจง นะแส” และให้นายบรรจงไปรับทราบข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำที่ สภ.เกาะยาว จ.พังงา ในวันที่ 8 ก.ค.2563 เวลา 13.00 น.

นายบรรจง เขียนประกอบภาพหมายเรียกดังกล่าวด้วยว่า “มาอีกแล้ว 1 คดี สรุปว่าการจะหาทางออกให้ปัญหาทะเลไทย หรือแค่บอกกับสังคมว่า สาเหตุของวิกฤตทะเลไทยเนี่ยยากจริงๆ เขียนแค่เนี้ยก็ส่งหมายให้ซะแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะครับที่ไม่ไปแจ้งความถึงแม่ฮ่องสอน แค่พังงาเองผมขับรถ 6 ชม. นั่งเรือไปเกาะยาวอีกราวๆ 1 ชั่วโมง ขอบคุณครับที่ยังเมตตา แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้อธิบายต่อตำรวจ อัยการ และศาลให้ท่านได้เข้าใจว่า เครื่องมือทำการประมงชนิดไหนบ้างที่ทำร้ายทำลายพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน จนทำให้ทะเลวิกฤต”


นายบรรจง ยังได้โพสต์ภาพข้อความที่ผู้กล่าวหาระบุว่า เป็นการหมิ่นประมาทด้วย โดยเป็นการโพสต์ในเพจ “บรรจง นะแส ฝ่าเกลียวคลื่น พลิกฟื้นทะเลไทย” เมื่อวันที่ 12 มี.ค. เวลา 20.39 น. ระบุว่า นั่งดูรายชื่อผู้ประกอบการกิจการประมงพาณิชย์อันดับต้นๆ ของประเทศนี้ ได้แต่ถอนหายใจว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำ การจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรมจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้ารัฐบาล กลไกของรัฐไม่เอาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นตัวตั้ง และปล่อยให้ระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของเรือ แต่เป็นความล้มเหลวของรัฐ ที่จะสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไม่ได้ต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายบุญชู แพใหญ่ ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกับนายทวี แพใหญ่ เคยแจ้งความดำเนินคดีนายบรรจง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2563



กำลังโหลดความคิดเห็น