นราธิวาส - ชาวนราธิวาสแห่ไถ่ถอนทองคำที่โรงจำนำไว้กลับคืน เพื่อนำไปขายในช่วงทองมีราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงบาทละ 26,000 กว่าบาท โดยมียอดการไถ่ถอนแล้วกว่า 37 ล้านบาท
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่สถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังจากที่สถานการณ์ราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทองคำแท่งรับซื้อ 25,800 บาท ขายออก 25,900 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อ 25,332 บาท ขายออก 26,400 บาท ส่งผลให้บรรยากาศที่โรงรับจำนำมีประชาชนแห่ไปไถ่ถอนทองคำ ที่นำไปตั้งจำนำไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้บริการโรงรับจำนำ มักจะนำทองรูปพรรณมาฝากจำนำไว้มากกว่าทรัพย์สินประเภทอื่น
ด้าน นางบุษบา ทิพย์เหรียญ ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองนราธิวาส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาทองคำที่มีการปรับเพิ่มขึ้นรายวันในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งทองคำมีราคาสูงขึ้นไปถึงบาทละ 26,000 กว่าบาท ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีการนำทองคำมาวางจำนำไว้กับสถานธนานุบาลได้แห่มาไถ่ถอนทองคำออกไปแล้วกว่า 37 ล้านบาท
นอกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองนราธิวาส มีมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ที่มาใช้บริการด้วย โดยการยืดระยะเวลาการไถ่ถอนจาก 4 เดือน 30 วัน เป็น 4 เดือน 60 วัน ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในช่วงนี้ โดยใช้อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดสำหรับผู้ที่นำทรัพย์สินมาจำนำ ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2563 เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.125 ต่อเดือน เงินต้นเกินกว่า 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน และผ่อนผันหรือยืดเวลาในการชำระหนี้แก่ผู้จำนำด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) โดยไม่คิดดอกเบี้ยในส่วนที่ขยายระยะเวลา
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันช่วงนี้มียอดการจำนำสิ่งของลดลงกว่าปกติ เนื่องจากสิ่งของที่ประชาชนส่วนใหญ่นำมาวางจำนำนั้น จะเป็นทองรูปพรรณกว่าร้อยละ 80 ซึ่งประชาชนที่มาไถ่ถอนทองคำคืนส่วนใหญ่มองว่าในช่วงที่ทองคำมีราคาสูงเช่นนี้ คาดว่าน่าจะนำทองคำไปขายคืนให้แก่ทางร้านทองดีกว่าที่จะมีการส่งดอกเบี้ย และหากเมื่อไหร่ที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง ก็ค่อยมาหาซื้อใหม่ แต่ในช่วงนี้นำเงินจากการขายทองมาใช้จ่ายหมุนเวียนในครอบครัวดีกว่า