xs
xsm
sm
md
lg

แม่ทัพภาค 4 แถลงจับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ จชต. เผยมีส่วนหนุนกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 นำแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จชต. หลังเจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมยาไอซ์ 250 กก. พร้อมยึดทรัพย์ได้หลายรายการ เผยขบวนการค้ายาเสพติดในภาคใต้ มีส่วนสนับสนุนขบวนการก่อเหตุความไม่สงบ

วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายพงศธร ธรรมชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า

ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 250 กิโลกรัม และของกลางอื่นๆ อีกหลายรายการ บริเวณด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด อ.จะนะ จ.สงขลา และทำการขยายผลจนสามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญได้ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งความสำเร็จของการปฏิบัติในครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 9 และอีกหลายหน่วยงานในพื้นที่

พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงผลการปฏิบัติว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย ติดตามบังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือ นายกอเซ็ง เจะหะ อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 1 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน จ.ยะลา พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนัก 250 กิโลกรัม บริเวณด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา

เหตุเกิดขณะที่นายกอเซ็ง ขับรถบรรทุก 10 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1693 ยะลา พร้อมซุกซ่อนยาไอซ์ไว้บริเวณกระบะท้าย เข้ามายังด่านตรวจความมั่นคงบ้านควนมีด ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดรถ พร้อมทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบถุงปุ๋ยสีขาว จำนวน 12 กระสอบ ข้างในบรรจุยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อสอบสวนขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ ผลจากการซักถามผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าไอซ์ดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งมี นายมะดิง รูเป๊ะ เป็นผู้ว่าจ้าง โดยไปรับยาไอซ์มาจาก อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี


ต่อมา เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.63 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายกอเซ็ง ผู้ต้องหามาควบคุมตัวที่ ฉก.ทพ.46 เพื่อดำเนินการขยายผลในการจับกุม นายมะดิง รูเป๊ะ ตามที่ให้การซัดทอด โดยได้ให้นายกอเซ็งติดต่อกับนายมะดิง เพื่อรับส่งยาเสพติด และให้ติดต่อกับบุคคลที่เรียกว่า “บาบอ” ทราบชื่อภายหลังคือ นายยูโซ๊ะ กามา และได้นัดหมายรับยาเสพติดกันบริเวณแยกลำพู อ.เมือง จ.นราธิวาส และในเวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายยูโซ๊ะ ได้ในขณะที่มารับยาเสพติดในบริเวณดังกล่าว และได้นำตัวไปตรวจค้นบริเวณบ้านพักเลขที่ 70 หมู่ 5 ต.ลำพู อ.เมือง จ.นราธิวาส ผลการตรวจค้นพบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม และเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 1 รายการ คือ รถยนต์มิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆก 4139 กทม.

จากนั้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.63 เวลา 23.15 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม นายมะดิง รูเป๊ะ ที่อยู่ 68/1 หมู่ 12 ต.ลำไพ อ.เทพา จ.สงขลา ขณะกำลังจะหลบหนีได้บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 16/5 หมู่ 4 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส หลังจากจับกุมได้ทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านภรรยาคนที่ 1 ของนายมะดิง ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม จึงได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย 1.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 1434 นราธิวาส จำนวน 1 คัน 2.รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ หมายเลขทะเบียน 8 กด 4051 นราธิวาส จำนวน 1 คัน 3.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 บัญชี 4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง และ 5.สร้อยข้อมือลักษณะคล้ายทองคำ จำนวน 2 เส้น

ต่อมา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.63 เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักไม่มีเลขที่ ในพื้นที่หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านภรรยาคนที่ 2 ของนายมะดิง ได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และเข้าตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ จำนวน 6 รายการ ประกอบด้วย 1.รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน 2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง 3.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 บัญชี 4.โฉนดที่ดิน จำนวน 1 ฉบับ 5.อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ Compact (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก และ 6.เครื่องกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 6 นัด

ในวันเดียวกัน เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 36/4 หมู่ 1 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.นุรซุรีซา ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายเพิ่มเติม จึงได้ทำการตรวจสอบเก็บข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และเข้าตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ จำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย 1.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีเทาแดง หมายเลขทะเบียน 1 กฐ 3361 นราธิวาส จำนวน 1 คัน 2.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 คัน 3.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีลาโน่ สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1 กฎ 674 นราธิวาส จำนวน 1 คัน 4.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บจ 4064 นราธิวาส 5.รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าแอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน 6361 สงขลา 6.รถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กจ 7487 นราธิวาส และ 7.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 บัญชี

จากการสืบสวนติดตามการขยายผลจึงพบเบาะแสว่า กลุ่มขบวนการยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีการจ่ายค่าคุ้มครองให้แก่กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งยังสนับสนุนเงินส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการก่อเหตุในพื้นที่มาโดยตลอด เพื่อเป็นช่องว่างในการดำเนินการขนย้ายยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่


ขณะที่ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวว่า การปฏิบัติดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากเครือข่ายกลุ่มนี้ งเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ทำการสืบสวน และมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับเครือข่ายกลุ่มนักค้ายาเสพติดทางภาคใต้ที่มีข้อมูลอยู่ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา มีสถานการณ์โควิด-19 ระบาด มีการออกมาตรการล็อกดาวน์ ปิดด่านพรมแดนระหว่างประเทศของรัฐบาล ซึ่งทำให้นักค้ายาเสพติดได้หันไปส่งยาเสพติดทางระบบโลจิสติกส์ และเมื่อสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลง การขนส่งมีความสะดวกขึ้น ทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดจึงได้เพิ่มความเข้มข้น และให้ความสำคัญในการสกัดการลำเลียงยาเสพติด และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบรถในกลุ่มเป้าหมายมีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว จึงทำการสืบสวน และติดตามจนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เคยต้องโทษในคดียาเสพติด โดยได้รู้จักกันในเรือนจำจังหวัดสงขลา และเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 5 ปี และเมื่อออกจากเรือนจำก็ยังมีการกระทำความผิดซ้ำแบบเดิมอีก พฤติการณ์กลุ่มนักค้ายาเสพติดกลุ่มนี้จะใช้รถบรรทุกขึ้นไปรับยาเสพติด และลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ปริมณฑล เพื่อส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยรับค่าจ้างครั้งละ 1 ล้านบาท จากการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน สามารถขยายผลนำไปสู่การยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท โดยมีทั้งรถยนต์ รถบรรทุก โฉนดที่ดิน ทองคำ โดยหลังจากนี้จะทำการตรวจสอบการได้มาซึ่งทรัพย์สิน และขยายผลเส้นทางการเงินของกลุ่มนี้ต่อไป


ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนสำคัญในด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นใช้มาตรการทางกฎหมายสำหรับผู้ค้า และมาตรการทางสังคมสำหรับผู้เสพ ที่ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูอย่างจริงจัง ตลอดจนเน้นการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติ ให้อภัย ใช้บทบาทของศาสนาในการลดปัญหายาเสพติด และการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน อีกทั้งน้อมนำการใช้ “ศาสตร์พระราชา” และยุทธศาสตร์คนดี ในการสร้างความยั่งยืนในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน เพื่อส่งคืนบุตรหลานสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของครอบครัว โดยการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลเกินความคาดหมาย มีผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแล้วกว่า 16,611 ราย โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

1.ด้านการป้องกัน มุ่งเน้นสร้างภูมิคุ้มกัน และภูมิป้องกันยาเสพติดให้ครอบคลุม 5 ลุ่มเป้าหมาย คือ ในหมู่บ้าน ชุมชน ในสถานศึกษา นอกสถานศึกษา โรงเรียนตาดีกา และสถาบันการศึกษาปอเนาะ โดยใช้แนวทางการสร้างชุมชนเข้มแข็ง และจิตอาสาญาลันนันบารูเข้าดำเนินการ ปัจจุบันสามารถฝึกอบรม และจัดตั้งกลุ่มพลังจิตอาสาประชารัฐได้แล้วกว่า 10,000 คน ครอบคลุมพื้นที่ 37 อำเภอ 200 ตำบล 1,500 หมู่บ้าน โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยพลังของชุมชนให้เกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนงานสร้างภูมิคุ้มกันผ่านมวลชนญาลันนันบารู และญาลันนันบารูจูเนียร์ ที่ผ่านการฝึกอบรม และจัดตั้งแล้วกว่า 20,000 คน

2.ด้านการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งดำเนินการต่อผู้ค้าในระดับต่างๆ โดยให้ความสำคัญเร่งด่วนกับผู้ค้ารายย่อย ซึ่งเป็นปัญหา และสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดของยาเสพติดในหมู่บ้าน

3.ด้านการบำบัดรักษา มุ่งเน้นใช้มาตรการทางสังคม โดยใช้ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน จำนวน 242 ชุด เข้าดำเนินการในหมู่บ้าน ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้นำสี่เสาหลัก และเวทีสภาสันติสุขตำบล เพื่อค้นหาผู้เสพเข้ารายงานตัว สู่กระบวนการคัดกรอง บำบัดรักษา ติดตามดูแลในชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยแบ่งระดับความรุนแรงเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้ กลุ่มผู้เสพ และกลุ่มผู้ติด เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา

4.ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต มุ่งดำเนินการต่อผู้ผ่านการบำบัด และหายขาดจากการติดยาเสพติด มาฝึกอบรมวิชาชีพตามความต้องการ และความสมัครใจ มีงานทำ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น



ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ให้หมดสิ้นไป รวมถึงมาตรการทางกฎหมายกับผู้ค้ารายใหญ่ จนนำไปสู่การยึดทรัพย์ ควบคู่กับการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด โดยจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เข้าพบปะผู้นำสี่เสาหลักเพื่อขอความร่วมมือ ในการชักชวนผู้ติดสารเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิต และส่งเสริมอาชีพอย่างต่อเนื่อง




กำลังโหลดความคิดเห็น