ยะลา - เลขาธิการ ศอ.บต. หารือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกเคสชาวบ้านเสียชีวิตบนเขาตะเว 3 ศพ เตรียมนำเข้าสู่คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกลางเดือนหน้าที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยเหลือเงินเยียวยาเพิ่มเติม
จากกรณีเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในพื้นที่เขาบริเวณเทือกเขาตะเว รอยต่อระหว่าง อ.ระแงะ กับ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 และมีการปะทะโดยสำคัญผิดเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.62 พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส และ พ.อ.ธีร์พัชร์ เอมพันธ์ ผบ.ทพ.ที่ 45 เดินทางลงพื้นที่หมู่ 8 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียน และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ทายาทครอบครัวของ นายฮาพีซี มะดาโอะ อายุ 24 ปี นายบูดีมัน มะลี อายุ 26 ปี และนายมะนาซี สะมะแอ อายุ 27 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตบนเทือกเขาตะเว เนื่องจากสำคัญผิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง
โดยทั้ง 3 ครอบครัวจะได้รับเงินเบื้องต้น ครอบครัวละ 500,000 บาท ตามระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย และผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555 (ระเบียบ กพต.) ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า สำหรับการดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้ง 3 ราย ในเบื้องต้น การเยียวยาเป็นตัวเงินได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาได้มอบเงินช่วยเหลือให้ทายาทแต่ละราย จำนวน 5 แสนบาท เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการเยียวยาและส่วนงานอื่นๆ ได้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะดูแลการเยียวยากรณีที่เห็นว่าเป็นการกระทำอันเนื่องจากเป็นการสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีระเบียบต่างๆ กำหนดไว้แล้ว และมีการประชุมวันนี้ คณะกรรมการเยียวยามีมติเห็นสมควรให้การเยียวยาเพิ่มเติมแก่ทายาทผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย อีกรายละ 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามร่างระเบียบการเยียวยา ซึ่งได้ใช้ร่างระเบียบไปแล้วเหมือนกับกรณีหนึ่งที่เกิดเหตุที่ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อปลายปี 2558 นอกจากนั้น 1 ใน 3 ครอบครัวมีบุตร 1 คน ซึ่งจะต้องดำเนินการเยียวยาในเรื่องการศึกษา โดยเป็นค่าเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนจบปริญญาตรี และเบี้ยยังชีพรายเดือน จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“จากการประชุมในวันนี้ จะเร่งนำเข้าสู่คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกลางเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ เพื่อให้ความเห็นชอบ และนำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ถัดไปเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม นอกจากการตามระเบียบของทางราชการที่กล่าวมา หน่วยงานต่างๆ ได้ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ในฐานะพี่น้องร่วมชาติในหลายๆ กรณี อย่างกรณีของนายบูดีมัน ทาง ศอ.บต.ได้ประสานทางสาธารณสุขให้ดูแลบิดาของผู้ได้รับผลกระทบที่ป่วยโรคหัวใจในช่วงนั้น เพื่อไปพบแพทย์ในระหว่างที่เจ็บป่วย และอีกครอบครัวหนึ่งประกอบอาชีพในการขายของในตลาด ได้จัดหารถจักรยานยนต์พ่วงข้างเพื่อให้มีความสะดวก นอกจากนั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หน่วยในพื้นที่ ทางจังหวัดได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาหลายๆ เรื่อง” เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าว
พล.ร.ต.สมเกียรติ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของ นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ อายุ 34 ปี ถูกเชิญตัวไปซักถามเมื่อวันที่ 21 ก.ค.62 และในวันเดียวกัน พบว่า หมดสติภายในห้องพักของสถานควบคุม จึงส่งตัวเข้ารับการรักษาไปยังโรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าหมดสติเนื่องจากอาการสมองบวม และระหว่างการรักษาตัวเกิดภาวะปอดอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง และมีภาวะติดเชื้อจนนำไปสู่การเสียชีวิต เมื่อวันที่ 25 ส.ค.62 นั้นว่า หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ครอบครัว นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ตามมติ กพต. ครั้งที่ 1/2562 ประกอบด้วย
1.เยียวยาตามระเบียบ กพต. โดย ศอ.บต.เยียวยาเงิน จำนวน 500,000 บาท 2.เยียวยากรณีถูกควบคุมตัว ศอ.บต. ได้จ่ายแล้ว จำนวน 32,400 บาท รวมเป็นเงิน 532,400 บาท ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือเยียวยา ได้จัดประชุมและมีมติว่าควรให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านคุณภาพชีวิตทางด้านการศึกษาบุตร จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นค่าเล่าเรียนรายปีจนจบปริญญาตรี หรือจนกว่าจะอายุ 25 ปีบริบูรณ์ และเบี้ยยังชีพรายเดือนภายใต้การดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งหากรวมยอดเงินในส่วนนี้ เป็นเงิน 1,036,000 บาท แต่ทางรัฐไม่สามารถมอบเป็นเงินสดในคราวเดียวได้ ซึ่งหากรวมยอดเงินทั้งหมดทุกรายการ เป็นเงิน 532,400 บวก 1,036,000 บาท รวม 1,568,400 บาท ซึ่งทาง ศอ.บต. ได้ชี้แจงให้ทางครอบครัวของนายอับดุลเลาะห์ ทราบแล้ว นอกจากนั้น ยังได้ให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ อีกด้วย