สุราษฎร์ธานี - เจ้าของคอกหอยแครงอ่าวบ้านดอน อ.พุนพิน เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้รื้อขนำเฝ้าคอกหอย ขอยืดเวลาออกไปอีก 1 ปี 6 เดือน รอให้หอยที่เลี้ยงไว้ได้ขนาดจับขายได้ ไม่มีขนำเฝ้าคอกเสี่ยงหอยได้รับความเสียหาย
นายประเสริฐ ชัญจุกรณ์ กำนัน ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน และผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครงในพื้นที่ ต.ลีเล็ด อ่าวบ้านดอน เปิดเผยว่า จากกรณีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง อาคาร (ขนำเฝ้าหอย และโฮมสเตย์) หรือสิ่งใดๆ ที่ได้ก่อสร้างหรือติดตั้งในที่จับสัตว์น้ำอ่าวบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ว่า
จากคำสั่งดังกล่าว ทางผู้ประกอบการเลี้ยงหอยแครงบางรายในพื้นที่ ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน เตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองภายใน 15 วัน นับจากวันที่ออกประกาศดังกล่าว ต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอเวลาในการเตรียมพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของทางจังหวัด โดยทางผู้ประกอบการจะขออุทธรณ์คำสั่งให้ขยายเวลาการรื้อถอนคอกหอยและสิ่งปลูกสร้างในทะเลนอกเขตอนุญาต จากภายใน 60 วันนับจากวันประกาศ วันที่ 12 มิ.ย.2536 ออกไปอีก 1 ปี 6 เดือน นับจากเดือน พ.ค.2563 ทั้งนี้เพื่อรอให้ผลผลิตหอยแครงที่ผู้ประกอบการได้ซื้อมาเพาะเลี้ยงเติบโตในขนาดที่สามารถเก็บขายได้ ขนาด 80-90 ตัวต่อกิโลกรัม ที่ต้องใช้เวลาเลี้ยง 1 ปี 6 เดือน หรือขนาด 180 ตัวต่อกิโลกรัม ต้องใช้เวลา 1 ปี 2.จะต้องให้มีขนำเพื่อเฝ้าคอกหอยกลางทะเล เพราะขนำถือว่ามีความจำเป็นมากเป็นในการเฝ้าคอกหอย ไม่สามารถเฝ้าในเรือได้ ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องเฝ้าทรัพย์สินคือหอยแครงในคอกหอย ที่ได้ลงทุนไว้และมีมูลค่าสูง มีการลงทุนหลักล้านบ้านขึ้นไป หากไม่มีขนำเฝ้าเกรงว่าทรัพย์สินที่เลี้ยงไว้จะได้รับความเสียหายได้ ทั้งจากสภาพอากาศที่มีฝน พายุ รวมไปถึงภัยจากมนุษย์ด้วยกัน
3.ให้พิจารณาตามกฎหมายประมง ตามมาตรา 175 ว่าได้มีการประกาศยกเลิกการเพาะเลี้ยงหอยแล้วหรือไม่ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า เมื่อยื่นคำขอแล้วให้เลี้ยงต่อไปได้จนกว่าจะมีประกาศยกเลิก ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่มีการประกาศให้ยกเลิกการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหรือหอยแครงแต่อย่างใด
“โดยส่วนตัวนั้นจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองต่อทางจังหวัดภายใน 15 วัน นับจากวันที่ทางจังหวัดได้ออกประกาศ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นๆ นั้น ไม่แน่ใจว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งด้วยหรือไม่ เพราะผู้เลี้ยงหอยแครงในพื้นที่อ่าวบ้านดอนมีมากกว่า 1,300 ราย” นายประเสริฐ กล่าวและว่า
สำหรับมูลค่าการเลี้ยงหอยแครงในพื้นที่อ่าวบ้านดอนนั้น หลายคนออกมาระบุว่ามีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาทในแต่ละปี แต่โดยส่วนตัวมองว่าไม่ได้สูงขนาดนั้น น่าจะอยู่ที่ประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท ที่เกิดจากการเลี้ยงหอยของผู้ประกอบการกว่า 1,300 ราย พื้นที่กว่า 1 แสนไร่
ส่วนการซื้อขายสิทธิในการเลี้ยงหอยแครงนั้น ยอมรับว่ามีจริง แต่ที่มีการออกข่าวว่าขายกันสูงถึง 30 ล้านบาทนั้น ไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นในพื้นที่ใด แต่ถ้าในพื้นที่ อ.พุนพิน นั้น ไม่ได้เช่าสิทธิสูงขนาดนั้น อยู่ที่ระดับหลักแสน หรือไม่แปลงละ 1-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของแปลงและพื้นที่นั้นๆ ลูกหอยเกิดมากน้อยแค่ไหน เป็นการเช่าต่อมาจากชาวบ้านที่ได้เข้าไปจับจองพื้นที่ หลังจากนั้นเลิกเลี้ยงเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการลงทุน เพราะการเลี้ยงหอยแครงต้องใช้เงินทุนตั้งแต่การจ้างล้างแปลงให้สะอาดพร้อมในการลงลูกหอย ต้องสร้างขนำ ต้องซื้อลูกหอยมาปล่อย และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ชาวบ้านบางรายไม่มีเงินทุนทำต่อ จำเป็นต้องให้สิทธิเช่าคอกหอยต่อไป
ด้านผู้ประกอบการคอกหอยแครงรายหนึ่งในพื้นที่ อ.พุนพิน เปิดเผยว่า เตรียมที่จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีในการรื้อถอนคอกหอยและขนำเฝ้าคอกหอย เพื่อรอให้สามารถเก็บหอยที่ได้ลงทุนเลี้ยงไว้ขายได้ โดยเฉพาะขนำนั้นมีความสำคัญมากในการเฝ้าคอกหอยกลางทะเล เพราะหากไม่มีขนำเฝ้าจะทำให้หอยที่เลี้ยงไว้ได้รับความเสียหายได้