ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สกายวอล์กทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา มีความคืบหน้า 77 เปอร์เซ็นต์ใกล้เสร็จสมบูรณ์ แต่ติดปัญหาการส่งวัสดุจากจีนมีความล่าช้าจากโรคระบาดโควิด-19 คาดเปิดให้เที่ยวได้ช่วงปลายปี 2563 นี้
วันนี้ (15 มิ.ย.) อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เป็นอำเภอหนึ่งในโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่รัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ต้นปี 2560 ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่หลายแห่ง พร้อมกับจัดสร้างจุดแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่สำคัญ เช่น จุดชมวิวพื้นกระจก หรือ Skywalk ที่ตำบลอัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งการก่อสร้างนั้นได้กำหนดให้มีทางเดินยื่นออกไปจากหน้าผาประมาณ 61 เมตร พร้อมทั้งมีระเบียงกระจกให้นักท่องเที่ยวได้ชมหมอก ถือได้ว่าเป็นสกายวอล์กที่ยาวที่สุดในอาเซียน ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต สามารถมองเห็นหมอกได้ตลอดทั้งปี
น.ส.เมลิสสา ยอดขยัน นักพัฒนาการท่องเที่ยวองค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในภาพรวมของทะเลหมอกอัยเยอร์เวงว่า ตัวโครงสร้างมีความคืบหน้าไปแล้ว 77 เปอร์เซ็นต์ หากสมบูรณ์ก็จะมาดูการตกแต่งด้านสถาปัตยกรรมและปรับแต่งภูมิทัศน์โดยรอบ แต่เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้มีผลกระทบต่อการสั่งซื้อวัสดุในการก่อสร้างที่สั่งมาจากประเทศจีน ไม่สามารถขนส่งสินค้าออกนอกประเทศได้ โดยได้กำหนดเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการภายในช่วงปลายปี 2563 นี้
นอกจากนี้ นายอารี หนูชูสุข ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของสนามบินเบตงที่ขณะนี้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างต้องอยุดชะงักไป แต่ทั้งนี้ภาพรวมถือว่ามีความคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ หากสนามบินเปิดอย่างเป็นทางการคาดว่าจะทำให้สกายวอล์ก (Skywalk) ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับอาเซียน มีชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก และจะสามารถช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทางเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสกายวอล์ก (Skywalk) ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ยังไม่เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ แต่บริเวณจุดข้างการก่อสร้าง ยังมีจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับทะเลหมอก และมีการให้บริการรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นการจัดตั้งกลุ่มของชาวบ้านภายในชุมชนของแต่ละหมู่บ้านให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้ได้มีส่วนร่วมในการสร้างงานและกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน คาดว่าเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 กลับเข้าสู่สภาวะปกติ จะทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
