xs
xsm
sm
md
lg

[In Clip] “ตำรวจเมืองลุง” ยังไว้ลาย! จาก ‘แม่ค้าหอยพลิกลิ้น’ ถึง ‘รถสินค้าเถื่อนหาย’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




เหมือนจะกลายเป็นหนังเรื่องยาว เมื่อ น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง “แม่ค้าหอย” ในตลาดเมืองพัทลุง ไปร้องเรียนต่อกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง ที่มีสารวัตรหัวหน้าชุดยศ “พ.ต.ท.” เป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น เรียกรับเงินแลกกับการปล่อยตัวจากคดีฝ่าฝืนเคอร์ฟิว เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.2563 ก่อนจะต่อรองกันเหลือ 10,000 บาท โดยแม่ค้าหอยหาเงินโอนให้ได้ส่วนหนึ่งที่เหลือจ่ายด้วยสินค้า

“เราไม่มีเงินกันจริงๆ ทั้งเงินสดและเงินในบัญชี สุดท้าย สามีได้โทร.ไปขอยืมจากญาติและให้โอนเข้าบัญชีได้มาก้อนหนึ่ง เมื่อรวมกับเงินในบัญชีที่พอมีเหลืออยู่บ้างรวมได้ 5,700 บาท แต่ก็ยังไม่ครบตามตกลง ตำรวจบอกให้ไปถอนเงินจากเอทีเอ็มมาให้ แล้วส่วนที่ยังขาดให้เอาอาหารทะเลมาสมทบให้ครบ 10,000 บาท เราก็บอกไปว่าถ้าไปที่ตู้จะไม่มีสัญญาณไวไฟ จึงจบลงด้วยให้ใช้โทรศัพท์เราโอนเงิน 5,700 บาทไปเข้าบัญชีตำรวจในทีม แล้วที่เหลือ 4,300 บาทให้จ่ายด้วยปูกับหอยนางรม”

“แล้วที่ช้ำใจที่สุด...ตัวนึงเกือบชั่วโมงที่หนูต้องใช้ค้อน เปิดให้เรา ...แถมเขานั่งกินเรา สนุกสนานเฮฮามาก ก่อนเขาไป เขาเมา ....ตอนแรกสารวัตรโมโหมาก ....กูเกลียดที่วันนั้นกูไปบ้านพวกมึงแล้วพ่อมึงมาด่ากู...หนูขอร้อง เอาเงินกับของหนูไปหมด หนูเหลือเงิน 19.05 สตางค์ ...หนูนั่งร้องไห้ต่อหน้าเขา”

4 มิ.ย. หลังจากเรื่องราวของ “ตำรวจชุดกินหอย” ได้กลายเป็นข่าวใหญ่โต พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และยังได้สั่งให้สารวัตรหัวหน้าชุด พร้อมดาบตำรวจอีก 3 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ออกจาก สภ.เมืองพัทลุง ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ ภ.จว.พัทลุงแทนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2563

แต่นอกจาก “แม่ค้าหอย” คนนี้ ยังมีเจ้าทุกข์รายอื่นๆ ทยอยออกมาเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับ “ตำรวจชุดกินหอย” เช่น ส่งสลิปการโอนเงินให้แก่ ด.ต.ไชยา ชูศรีเพชร จำนวน 1,000 บาท เมื่อเดือน พ.ค.2563 เวลา 18.18 น. โดยระบุว่าเป็นการโอนเงินให้เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี

กรณีชายหนุ่ม 2 คนถูก “ตำรวจชุดกินหอย” จับในคดีเสพยาเสพติด และต้องนำเงิน จำนวน 30,000 บาทมาจ่ายแลกกับการไม่ดำเนินคดี เยาวชนชายวัย 18 ปี ที่มาร้องเรียนว่า “ตำรวจชุดกินหอย” ยึดรถจักรยานยนต์ของตนเองไปทั้งๆ ที่ไม่มีความผิด แล้วให้เอาเหล้ารีเจนซี่ 1 ลัง มาแลกกับการรับรถจักรยานยนต์กลับคืน

หนุ่มวัย 32 ปี พร้อมเพื่อนร้องเรียนว่า “ตำรวจชุดกินหอย” บุกอุ้มตนขณะที่นอนหลับอยู่ภายในบ้านที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่กลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมยาเสพติด เรียกเงินสด 50,000 บาท แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แม่ไปยืมเพื่อนบ้านมาได้ 40,000 บาท ส่วนอีกคนไม่มีเงินจ่าย จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด และขณะนี้ถูกตัดสินจำคุกอยู่ในเรือนจำ

“ที่เจ็บใจสุดๆ ขณะที่เกิดเหตุแม่ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้น และถอดเสื้อแม่ พร้อมกับจับหน้าอกแม่ผม ผมแค้นใจสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้”

6 มิ.ย. มีข่าวว่าตำรวจชุดกินหอยได้โทรศัพท์ไปเจรจาตกลงกับแม่ค้าหอย โดยคลิปเสียงที่บันทึกไว้สรุปได้ว่า มีตำรวจได้เอาตัวเธอกับครอบครัวให้ไปอยู่ต่างจังหวัด และรับจะดูแลอย่างดีจนกว่าเรื่องจะเงียบ

แล้วอีก 2 วันถัดมา น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง แม่ค้าหอย กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เพื่อมาให้การต่อคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มี พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นผู้ซักถามด้วยตนเอง

แม่ค้าหอยให้การชนิดหนังคนละม้วนกับที่ไปร้องเรียนกับนักข่าว แม้จะยอมรับว่าถูกจับคดีฝ่าเคอร์ฟิวจริง แต่ตำรวจขอเพียงหลักฐานการขนส่งสินค้า ไม่ได้เรียกเงินแต่อย่างใด

ส่วน “สลิปโอนเงิน” ที่ระบุชื่อผู้รับโอนว่า ด.ต.ไชยยา ชูศรีเพชร ตำรวจในชุดสารวัตรยศ “พ.ต.ท.” ดังกล่าวนั้น เธอบอกว่าเป็นเงินยืมเมื่อวันที่ 2 มี.ค. เพื่อไปจ่ายค่าปรับที่ศาลในคดีอาญา และที่ยืมเงินจาก ด.ต.ไชยยา เพราะก่อนหน้าที่จะได้สามีคนปัจจุบันเคยคบหากันมาก่อน

“ส่วนสาเหตุที่ไปบอกสื่อจนเป็นข่าวใหญ่โต เพราะว่าแฟนไม่ทราบว่าหนูเคยคบกับ ด.ต.ไชยา มาก่อน และแฟนต้องการขอเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อไปผ่อนรถ แต่หนูบอกแฟนไปว่าตำรวจเอาเงินไปเสียแล้วในตอนที่หนูโดนจับฝ่าเคอร์ฟิวในคืนนั้น พอหนูบอกแฟนไปเช่นนี้ แฟนเลยโกรธและแฟนเป็นคนโทร.ไปร้องเรียนสื่อมวลชน”

เมื่อเป็นเช่นนี้ นายไสว รุยันต์ ผู้สื่อข่าวในนามของตัวแทนสื่อมวลชนใน จ.พัทลุง จึงได้เข้าแจ้งความต่อร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.สุนิศา จีนเกลี้ยง ในข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียหรือเสียหาย โดยได้นำหลักฐานเป็นเอกสารข้อความการพูดคุยจากกล่องข้อความในเฟซบุ๊ก จำนวน 12 แผ่น วิดีโอและเสียงขณะสัมภาษณ์ประกอบ

ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง ยืนยันว่า กรณีนี้ตนและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงทำงานอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว เนื่องจาก “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” และ “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9” ได้กำชับและติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ขอเวลาให้คณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริงได้ทำงานสอบสวนสืบสวนในทุกด้านก่อน

ก็ขอให้เรื่องนี้ได้มีคำตอบให้เป็นที่กระจ่างแก่ประชาชน อย่าให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง เหมือนอย่างเรื่องราวใหญ่โตอีกเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการ “ตำรวจพัทลุง” เมื่อปลายปีที่แล้ว จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ

12 พ.ย.2562 เกิดเหตุรถยนต์บรรทุกของกลางที่มีสินค้าเถื่อนอยู่เต็มคัน ทั้งบุหรี่และสุราต่างประเทศหนีภาษีรวมมูลค่านับล้านบาท พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง รุดไปที่เกิดเหตุทันทีและสั่งให้นำรถพร้อมของกลางไปไว้ที่หน้าบ้านพักของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าหากเก็บไว้ภายในสถานีตำรวจ เกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขโมยบุหรี่ของกลางไป

แต่ปรากฏว่าหายไปจากหน้าบ้านพัก “ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง” ทั้งๆ ที่มีตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรพัทลุงเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครทราบว่าทั้งรถยนต์และของกลางอยู่ที่ไหน

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจและเกี่ยวข้องคนไหนพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย มีเพียงเสียงทวงถามจากประชาชน แล้วก็ค่อยจางหายไปจากการใช้ความนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็น “คลื่นกระทบฝั่ง” ก่อนจะจางหายไป

ดังนี้แล้วก็ขอให้กรณีของ “ตำรวจชุดกินหอย” ครั้งนี้ไม่ถูกทำให้เป็น “คลื่นกระทบฝั่งอีกลูก” ที่ซัดเข้ามาแล้วจางหายไปอีกครั้งครา


กำลังโหลดความคิดเห็น