xs
xsm
sm
md
lg

ยางราคาตก! เกษตรกร อ.เบตงหันไปปลูก “ทุเรียนโอวฉีหรือหนามดำ” สายพันธุ์แชมป์มาเลเซีย 5 สมัย ยอดสั่งพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา – เกษตรกรในพื้นที่ ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เพาะพันธุ์ต้นกล้าทุเรียนโอวฉี สายพันธุ์แชมป์จากประเทศมาเลเซีย 5 สมัยติดต่อกันใช้ระยะเวลา 4 ปีออกผลผลิตสู่ตลาดจำหน่ายผลผลิตปีนี้ 2 รอบ ผ่านระบบออนไลน์ ยุค 4.0 ส่งพัสดุทั่วประเทศ สวนกระแสสถานการณ์โควิด-19 ยอดสั่งพุ่ง

วันนี้ (5 มิ.ย.) นางกฤษณา เดชมณีนิล เกษตรกรในพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคายางพาราที่ลดลงไม่คุ้มต้นทุน ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.เบตง บางส่วนได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่มาปลูกไม้ผลหลากหลายชนิดมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนสายพันธุ์โอวฉี หรือที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ทุเรียนหนามดำ” และพันธุ์มูซังคิงส์ หรือ เหมาซานหว่อง แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ราชาแมวป่า" ซึ่งเป็นทุเรียนสายพันธุ์จากประเทศมาเลเซีย ที่มีการปลูกอย่างแพร่หลายในพื้นที่ จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้มีราคาจำหน่ายต้นกล้าพันธุ์และผลทุเรียนที่ค่อนข้างสูง

นางกฤษณา กล่าวว่า ตนมีสวนยางพารารวมแล้ว 80 ไร่ ต่อมาราคายางพาราตกต่ำ ทำไปมีแต่ขาดทุน จึงได้คิดทำเป็นสวนผสมผสาน โดยปลูกทุเรียน 50 ไร่ และยางพารา 30 ไร่ โดยในสวนทุเรียนจะมีพันธุ์ต่างๆ ทั้งทุเรียนหนามดำ มูซังคิงส์ พวงมณี ก้านยาว และหลินลับแล นอกจากนี้ยังปลูกมังคุดด้วย โดยนำกิ่งพันธุ์ทุเรียนพันธุ์หนามดำ สายพันธุ์แชมป์ 5 สมัย มาจากต้นแม่พันธุ์ของนายเหลียว เชือก เกี๋ยง หรือมิสเตอร์เกี๋ยง เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย มาขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง กับต้นทุเรียนป่า หรือทุเรียนพื้นถิ่นพื้นเมือง ที่มีรากแข็งแรง ทำให้ต้นที่เสียบยอดแล้ว โตเร็ว ทนต่อโรค

“วิธีดังกล่าวไม่ได้ทำให้ข้อมูลทางพันธุกรรม หรือลำดับเบสในดีเอ็นเอเปลี่ยนไป ทุกอย่างเหมือนเดิมทั้งหมด เอาไปขยายพันธุ์เพิ่ม จำนวนลูกก็จะเหมือนต้นแม่ทุกประการ ปลูกเพียงแค่ 4-5 ปีก็มีดอกและติดผลได้แล้ว เร็วกว่าทุเรียนทั่วไปที่จะมีดอกและติดผลหลังปลูกอย่างต่ำ 9-10 ปี” นางกฤษณา กล่าว








นางกฤษณา กล่าวว่า สำหรับลูกทุเรียนจะมีทรงผลสวย เปลือกบาง เมล็ดเล็กและลีบ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองอมส้ม เนื้อละเอียดเนียน รสชาติหวานมันและหวานแหลมมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื้อเยอะ รับประทานอร่อยมาก ผลสุกจำหน่ายราคาหน้าสวนกิโลกรัมละ 650 - 700 บาท และราคาขายในตลาดมาเลเซียกิโลกรัมละ 800 - 900 บาท ซึ่ง 1 ลูก มีราคากว่า 2,000 – 3,000 บาท ได้รับความนิยมในการบริโภคของชาวจีนในมาเลเซียและคนไทยเป็นอย่างมาก แต่จะจำหน่ายดีที่มาเลเซียมากกว่าไทย เพราะในเรื่องราคา และคนไทยก็มีตัวเลือกหลากหลายในพันธุ์ทุเรียนของไทยเรา นอกจากนี้ ผู้ซื้อยังซื้อกล้าพันธุ์ไปปลูกกันอย่างกว้างขวางอยู่ในเวลานี้โดยเฉพาะจากพื้นที่จันทบุรีและภูเก็ต
ด้านนายอาคม ศรีสง่าพงษ์ กล่าวว่า ใครที่สนใจเกี่ยวกับกล้าพันธุ์โอวฉี ในขณะนี้ สวนศักดิ์ศรีได้เตรียมต้นกล้าแชมป์ทุเรียนโอวฉี อายุประมาณ 4–5 เดือน สูง 50-70 เซนติเมตร จำนวน 20,000 - ต้น จำหน่ายในราคาต้นละ 500 บาท ส่วนต้นกล้าทุเรียนมูซังคิงส์ที่มีขนาดเท่าทุเรียนโอวฉี จำหน่ายต้นละ 150 บาท โดยจะทำการตลาด ในยุค 4.0 ขายผ่านระบบออนไลน์ เพิ่มเติมจากบริการขายที่สวน ผ่านเพจจำหน่ายพันธุ์ทุเรียน มูซานคิงส์ โอฉี่ หนามดำ สวนศักดิ์ศรีเหมาซานหว่องเบตง พร้อมส่งผ่านบริษัทขนส่งพัสดุที่ให้บริการครอบคลุมทั่วทุกจังหวัด


ผู้สนใจที่จะปลูกทุเรียนสายพันธุ์โอวฉี และมูซังคิงส์ สายพันธุ์แท้จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจ และเป็นอีกทางเลือกของเกษตรกรได้ในอนาคต ติดต่อได้ที่สวนศักดิ์ศรี เลขที่ 113/2 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา นายศักดิ์ศรี สง่าราศรี เฟซบุ๊ก "Saksri Sangarasri" โทร.09-8016-2806 นายอาคม ศรีสง่าพงษ์ โทร.098-871-4881และนายไกรวุฒิ เจ้าวิลาส เฟซบุ๊ก "ไกรวุฒิ เจ้าวิลาส" โทร.08-6347-5765







กำลังโหลดความคิดเห็น