กระบี่ - ฮือฮา! ทุเรียนบ้านโบราณอายุกว่า 100 ปี ที่กระบี่ เจ้าของอนุรักษ์ไว้ พร้อมตั้งชื่อให้ทุกต้น เผยรสชาติอร่อยไม่แพ้ทุเรียนพันธุ์ดี
ผู้ชื่นชอบทุเรียนฮือฮา หลังทราบว่ามีสวนทุเรียนบ้านสายพันธุ์ดี กำลังเป็นที่ต้องการของคนชอบกินทุเรียน ไม่แพ้ทุเรียนสายพันธ์หมอนทอง อยู่ที่กระบี่ แต่ละต้นมีอายุกว่า 100 ปี และทุเรียนสายพันธุ์ที่มีชื่อต่างๆ โดยสวนดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.5 บ้านในไร่ ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายประจักษ์ ขยันการ อายุ 48 ปี เจ้าของสวน พร้อมกับพาไปพิสูจน์ต้นทุเรียนบ้านที่ขึ้นอยู่ในสวนเกือบ 20 ต้น พบว่า แต่ละต้นมีขนาดสูงใหญ่กว่า 15 เมตร รัศมีรอบต้นไม่ต่ำกว่า 3-4 คนโอบ กำลังออกลูกเต็มต้น
นายประจักษ์ กล่าวว่า สวนทุเรียนบ้านแห่งนี้ เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ ได้อนุรักษ์ไว้และตกทอดมาถึงรุ่นของลูก แต่ละต้นอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี และตั้งชื่อให้ทุกต้น เช่น ต้นสาวสูง ลำต้นมีลักษณะสูงใหญ่ เนื้อสีเหลืองอ่อน รสหวานหอมหวานอร่อย และเป็นต้นทุเรียนบ้านที่คนชอบทุเรียนชอบกินมากที่สุด ส่วนรสชาติของทุเรียนต้นนี้ยังอร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ปีนี้ให้ผลผลิตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากประสบภัยแล้ง โดยปีนี้ให้ลูกประมาณ 400-500 ลูก นอกจากนี้ ก็ยังมีต้นมดแดง ไอ้ทอง และต้นอื่นๆ อีกเกือบ 20 ต้น
นายประจักษ์ กล่าวว่า ตนตั้งใจจะเก็บทุเรียนต้นเหล่านี้ไว้นานๆ ให้ลูกหลานได้กินกันถ้วนหน้า ไม่คิดตัดโค่นทิ้ง ทุกวันเมื่อถึงหน้าทุเรียนชาวบ้านแถบนี้ก็มาซื้อไปรับประทาน เนื่องจากติดใจในรสชาติ
สำหรับที่มาของสายพันธุ์ ไม่มีใครทราบว่ามาจากไหน รู้เพียงว่าเป็นพันธุ์ทุเรียนบ้าน รสชาติหวานหอม เนื้อหนา และตอนนี้ทุเรียนกำลังหล่น ทุกเช้าก็จะมีคนมาซื้อถึงสวน หากเหลือก็จะเก็บไปวางขายหน้าบ้าน และในปีนี้ขายไม่แพง ราคากิโลกรัมละ 50 บาท เพื่อให้ทุกคนสามารถซื้อไปกินได้ เพราะทราบกันดีว่าตอนนี้ทุกคนประสบปัญหาเหมือนกันหมดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงขายในราคาที่ให้ทุกคนซื้อได้
นายประจักษ์ ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับสวนแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ตนได้บุกเบิกปลูกทุเรียนพันธุ์ดีเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์หมอนทอง ชะนี ก้านยาว ซึ่งตอนนี้กำลังออกลูก คาดว่าประมาณกลางเดือน มิ.ย.ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายได้ ที่สำคัญสวนทุเรียนของตนปลูกแบบออแกนิก ไม่ใช้สารเคมี ทุกคนที่ซื้อไปรับประทานไม่ต้องกลัวว่าจะกินสารเคมีเข้าไปด้วย ไร้กังวลแน่นอน และยินดีให้มาพิสูจน์ถึงในสวน และในปีหน้าอาจจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อต่อยอดต่อไป