xs
xsm
sm
md
lg

เร่งสรุปสำนวน 3 ตร.นอกรีตไถเงินพ่อค้าหอยแครง 5 ล้านจนถูกชาวบ้านล้อมรถ ส่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุราษฎร์ธานี - คืบหน้าคดี 3 ตร.นอกรีตเรียกเงิน 5 ล้านจากพ่อค้าหอยแครงจนถูกชาวบ้านล้อมรถ ”บังหมัด” ให้ปากคำพนักงานสอบสวน ก่อนนำชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำให้การ ขณะที่ผู้การฯ เผยจะเร่งสรุปการสอบปากคำส่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พร้อมยันรถยนต์ไม่ใช่ของกำนัน ส่วนอาวุธปืนก็ไม่ใช่อาวุธสงคราม

จากกรณี 3 ตำรวจสังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 บุกจับลูกหอยแครงพร้อมใช้อาวุธปืนจี้บังคับเรียก 5 ล้านบาท จากนายอนุชา บินมุซา หรือบังหมัด บินมูซาฟาร์ม ชาวประมงพื้นบ้าน และเป็นพ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงด้วยกัน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกดำเนินคดี จนสร้างความไม่พอใจแก่ชาวบ้านชุมชนบางสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกชาวบ้านปิดล้อม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2563 ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (23 พ.ค.) นายอนุชา หรือบังหมัด ผู้เสียหายเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ นาน 4 ชั่วโมง โดยมี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าทีมพนักงานสอบสวน จากนั้นพานายอนุชา ไปนำชี้จุดเกิดเหตุประกอบการสอบปากคำนานประมาณ 15 นาที นอกจากนั้นทางพนักงานสอบสวนยังได้สอบปากคำพยาน อีก 4 ปาก โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ที่ชาวประมงให้ความนับถือเป็นผู้เคลียร์เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ รวมอยู่ด้วย ที่เหลือเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ต.ท่าทองใหม่ และชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์

และในเวลา 13.30 น.วันเดียวกัน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เรียกประชุมด่วนทีมงานชุดสอบสวนคดีนี้นานเกือบ 3 ชั่วโมง โดยปฏิเสธการให้สัมภาษณ์


พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การสอบปากคำผู้เสียหายและพยานไปแล้วจำนวนหนึ่ง และสั่งให้สอบเพิ่มอีก 2 ปากตามคำกล่าวอ้างของผู้เสียหาย ก่อนสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนการตรวจสอบรถยนต์ยืนยันว่าไม่ใช่รถยนต์ของกำนันคนที่กล่าวถึง ซึ่งผู้ครอบครองเป็นญาติของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ที่ทางเจ้าหน้าที่ขอยืมมาใช้งาน ส่วนอาวุธปืนก็ไม่ใช่อาวุธสงครามตามที่ออกสื่อกัน ความจริงที่ตามภาพนั้นเป็นอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.ตกแต่งอุปกรณ์เสริม

ด้าน นายอนุชา บินมูซา กล่าวว่า การให้การวันนี้ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย บุคคลอื่นไม่เกี่ยว เพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐานของวงการสีกากี ให้มีศักดิ์ศรีขึ้นอย่าให้ชาวบ้านเที่ยวรังเกียจมากกว่านี้ และได้รับการตอบรับจากรองผู้กำกับสอบสวนอย่างดียิ่ง ตนก็ภูมิใจว่าอย่างน้อยในประเทศไทยก็มีตำรวจที่ดี ในวงการสีกากี วันนี้ก็มีพยานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ราย พร้อมฝากบอกไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายว่าอย่าทำอีกต่อไปเลย ที่เราเรียนมา ที่พ่อแม่เราส่งให้เรียนมาที่เกี่ยวกับวิชาชีพของเรา อย่าทำลายวิชาชีพของตัวเองเลยที่เรียนมา

“ถ้าเราเลือกเรียนมาด้านของตำรวจแล้ว เราต้องรักศักดิ์ศรีของตัวเอง อย่าทำสวนกับการที่เราสาบานตนพระมหากษัตริย์ มันจะกินตัวเอง วันนี้คุณยังไม่สาย คำว่าดีสะกดง่าย แต่การกระทำยาก และขอยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่มีการยอมความใดๆ เพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐานให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมอาชีพ ที่จะแบบทั้ง 3 นายให้ละเลิกความคิด ให้เอาใจประชาชนเข้ามาไตร่ตรอง”


กำลังโหลดความคิดเห็น