สุราษฎร์ธานี ภ แก๊งยึดรถโหดเย้ยกฎหมาย ก่อเหตุรุมทำร้ายสาวใหญ่แม่ค้าขายหมูวัย 54 ปี เหตุไม่พอใจถูกขวางไม่ให้ยึดรถริมถนนกลางเมืองสุราษฎร์ธานี ตำรวจเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ล่าตัวผู้กระทำความผิด
วันนี้ (14 พ.ค.) นางภัสสรา ศรีปาน อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ที่ 10 ต.ท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี อาชีพแม่ค้าขายหมูสด ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า ถูกกลุ่มบุคคลจำนวน 4 คนใช้รถยนต์รถเก๋งสีดำ ป้ายทะเบียนจังหวัดเพชรบุรี ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะมาจอดบริเวณตรงข้ามโรงแรมวังใต้ ถนนตลาดใหม่ ขณะที่ตนเองเดินออกมาจากอาคาร บสก. เพื่อมารอนายธรรมรัตน์ เหล่าอินทร์ อายุ 53 ปี สามีที่ขับรถยนต์กระบะตอนครึ่ง หมายเลขทะเบียน ผค 5578 สุราษฎร์ธานี มารับ ขณะที่รถจอดรับตน ชายฉกรรจ์ จำนวน 3 คน อายุประมาณ 30-40 ปี ได้ลงมาจากรถเก๋งประกบพร้อมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ของบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมสอบถามว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของตนหรือไม่ ตนจึงตอบว่าใช่
จากนั้นชายคนดังกล่าวบอกให้สามีตนเปิดฝากระโปงรถยนต์เพื่อตรวจสอบหมายเลข จากนั้นได้บังคับให้สามีลงจากรถยนต์แต่สามีไม่ยอมลง ชายทั้ง 2 คนจึงได้ทำร้ายร่างกาย ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเดินไปปิดฝากระโปงรถแต่ถูก 1 ใน 2 คนที่กำลังทำร้ายสามีได้ฉุดกระชากที่แขนพร้อมต่อยที่แขนจนตนเองล้มลง เมื่อล้มลงแล้วชายคนดังกล่าวได้แตะเข้าที่สะโพกอีก 2 ครั้ง จนได้รับบาดเจ็บที่นิ้วกลางมือซ้ายผิดรูป และฟกซ้ำที่ต้นแขนและที่สะโพกด้านขวา ส่วนตัวสามีก็ถูกผู้ก่อเหตุถีบตกลงจากรถได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป โดยเอาทรัพย์สินที่อยู่ในรถกระบะที่เป็นเงินสด จำนวน 8,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงเอ 20 จำนวน 1 เครื่อง เอกสารโฉนดที่ดินจำนวน 3 ฉบับ เอกสารการเช่าซื้อรถคันดังกล่าว
นางภัสสรา กล่าวต่อว่า ตนเองเช่าซื้อรถยนต์คันนี้เมื่อปี 2557 จากบริษัทไฟแนนซ์ใน จ.สุราษฎร์ธานี ต่อมาปี 2561 ผิดสัญญาเช่าซื้อและมีการฟ้องร้องบังคับคดีที่ดินเพื่อชดใช้หนี้ที่ค้างชำระกับบริษัทไปครึ่งหนึ่งแล้ว และยังค้างชำระมาประมาณ 5 เดือนๆ ละ 5,000 กว่าบาท และไม่คาดคิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกายจากการยึดรถด้วยวิธีนี้ หากตนเองหรือสามีล้มลงกลางถนนอาจจะถูกคันอื่นขับชนได้ เพราะเหตุเกิดใจกลางเมือง ซึ่งตนไม่ได้ติดใจเรื่องรถตนจะได้ไปติดตามชำระหนี้สินที่ค้างอยู่ แต่ตนและสามีติดใจในเรื่องที่พนักงานกระทำเกินกว่าเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายซึ่งตนเองและสามีเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จึงได้เข้าแจ้งร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว