คอลัมน์ : จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา / โดย... ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟช่อง NEWS 1

“น้องกานดา” เขียนเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ส่งมาเป็นจดหมายน้อยให้ผม เธอเป็นลูกสาวคนหนึ่งของ “พ่อ” หรือ “นายเลื่อน ยี่ปา” ชาวบ้านที่หมู่บ้านฟ้าสวย หมู่ที่ 10 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ถูก “เจ้าหน้าที่” ทำร้ายร่างกายสาหัส
เพียงเพราะพ่อของเธอต้องการ “ปลูกขิงประมาณ 2 ไร่” ในปีนี้ บนผืนดินที่เมื่อปีที่แล้วพ่อของเธอก็ปลูก “แตงกวา” ปลูก “ฟักแฟง” และปลูก “พริก” ในที่ดินประมาณ 2 ไร่ดังกล่าวมาแล้ว
ทั้งๆ ที่กลุ่มที่รุมตีพ่อนั้น พ่อเองก็เคยช่วยนำทางเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เข้าป่าไปดับไฟป่ามาแล้ว
จดหมายน้อย “น้องกานดา” เขียนถึงผม หลังจากผมถามเธอว่า เกิดอะไรกับพ่อที่ “บนดอย” ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เขียนถึง “อาหมี”
หนูจะเขียนเหตุการณ์วันที่พ่อโดนทำร้ายร่างกายมาให้ฟังนะคะ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 หนูได้รับสายจากพี่สาวโทร.มาถามว่า ได้รู้ข่าวจากทางบ้านหรือยังว่า พ่อถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้
หนูจึงวางสายจากพี่สาว และโทร.กลับบ้านหาแม่ทันที ได้ทราบเรื่องจากแม่คร่าวๆ ว่า พ่อถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายจริง แต่กำลังนำส่งโรงพยาบาล จึงยังไม่สะดวกคุย เพราะระหว่างทางสัญญาณไม่ดี
แต่ก่อนวางสายก็ได้คุยกับพ่อนิดหน่อย พ่อเล่าให้ฟังว่า เค้าเรียกว่าลุง พอพ่อเงยขึ้นมาเค้าตีพ่อด้วยปลายพานปืน หลังจากพ่อล้ม เค้ายังขึ้นคร่อมพ่อเพื่อตีอีก ทั้งที่แผลพ่อเลือดไหลเยอะมาก
พ่อจึงพยายามลุกและเหวี่ยงเจ้าหน้าที่ล้มเพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ล้มพ่อจึงลุกเพื่อวิ่ง แต่กลับหน้ามืดและโดนเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มจับหมอบ ขึ้นคร่อมหลังและดึงผม และตีเหมือนกับหมูกับหมา

หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง หนูโทร.หาแม่ใหม่ แม่บอกกำลังแจ้งความ ส่วนพ่อถูกนำส่งโรงบาลเชียงดาว หนูจึงขอสายพี่ชาย
พี่ชายบอกเล่าให้ฟังว่า เค้ากับน้องชายเห็นพ่อถูกทำร้าย จึงวิ่งหวังเข้าไปช่วย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่จับกดหน้าใส่กุญแจมือ
น้องชายคนเล็ก 8 ขวบ เห็นพ่อถูกทำร้ายจึงวิ่งไปบอกแม่ แม่ได้ยินเสียงปืน เลยได้แต่แอบอยู่ในกระท่อม เพราะหลานร้องไห้ พอน้องวิ่งไปถึงแม่ น้องบอกให้แม่ไปช่วยพ่อ บอกพ่อโดนเจ้าหน้าที่ตีเลือดไหลเต็มไปหมด
ด้วยที่แม่ได้ยินเสียงปืน เลยถามน้องว่า เจ้าหน้าที่ยิงพ่อเหรอ พ่อตายยัง
น้องตอบแม่ว่า ป่าว ไม่ได้ยิงพ่อ พ่อยังไม่ตาย แต่โดนตีเลือดไหลเยอะมาก
น้องร้องไห้ไม่หยุด เพราะความกลัวและเป็นห่วงพ่อ

แม่จึงโทร.หาอา และคนในหมู่บ้านให้มาช่วยพ่อ และแม่ก็ได้แอบอยู่ในกระท่อม เมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านมากันแม่จึงกล้าออกไปหาพ่อ
ฉันวางสายแม่และโทร.หาอา อาบอกพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน เย็บทำแผลนานแล้ว ยังไม่ออกมาเลย
ชั่วโมงกว่าได้ฉันจึงโทร.หาอาใหม่ อาบอกว่า ทางโรงพยาบาลเชียงดาวจะส่งตัวให้ไปเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลนครพิงค์
และเมื่อถึงโรงพยาบาลนครพิงค์ หมอทำการเอกซเรย์และส่งตัวกลับมาให้ทางโรงบาลเชียงดาวดูแลต่อ
โรงบาลเชียงดาวให้พ่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่ให้ลงดอยมาทำแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม

วันที่ 3 พ่อไม่ได้ไปล้างแผล เพราะต้องเข้าให้ปากคำและพาพวกพี่ๆ ไปดูที่เกิดเหตุ
วันที่ 4 พ่อลงดอยไปล้างแผล จึงให้หมอตรวจอาการ เพราะพ่อปวดหัว ตาพร่าและกลืนน้ำลายลำบาก
หมอเช็กอาการและให้กลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน
และวันที่ 7 คือวันนี้ พ่อตัดไหมแล้วค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

บันทึกนี้ “น้องกานดา” เล่าให้ผมฟังว่า ปีที่แล้วที่ดินแปลงดังกล่าวพ่อน้องเขาปลูกแตงกวา ฟักแฟง และพริก เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงครอบครัว
พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ปีนี้กำลังจะปลูกขิง พ่อของเธอก็มาโดนทำร้ายเสียก่อน
คำถามที่ค้างคาใจคือ ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถึงมีอำนาจเหนือเหตุผลในผืนป่าบ่อยครั้ง?!
ชาวบ้านเคยคิดจะปลูกต้นไม้ใหญ่ที่เป็นพืชสวน ก็ปลูกไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปฟันทิ้ง
คำถามมีว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ส่งเสริมตามแนวทางพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ชาวบ้านปลูกป่า ปลูกไม้ใหญ่ ปลูกกล้วย เพื่อสร้าง “ป่าเปียกกันไฟ”?!

ผมอยากจะถามเจ้าหน้าที่ว่า “คุณจุดไฟคับแค้น” ในหัวใจชาวบ้านบนดอยเหล่านี้ทำไม?!
หรืออยากเอาคนยากคนจนใส่เข้าไว้ใน “เรือนจำ” แล้วประเทศของเราจะได้อะไรจากการกระทำดังกล่าว?!
ชาวบ้านบนดอยสูงทำการเกษตร ล้วนแล้วแต่เป็น “พสกนิกร” ของ “พระราชา”
บนดอยตุงเขียวชอุ่มด้วยพระบารมี มีการพัฒนาเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ด้วยหลักเมตตาธรรม ไม่ใช่อำนาจมิใช่หรือ?!

ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่น้อมนำแบบอย่างของพระองค์ท่านมาเป็นแม่แบบของการพัฒนา?!
เขาต้องการปลูกขิง คุณทำร้ายเขาทำไม ผมไม่เข้าใจ?!
ทั้งๆ ที่มีคำสั่งกำชับไว้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 นายกรัฐมนตรีสั่งไว้ชัดเจน สรุปใจความสำคัญได้สั้นๆ ว่า....
การแก้ปัญหาที่ดินไม่ให้กระทบคนจนผู้ยากไร้?!?!
“น้องกานดา” เขียนเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ส่งมาเป็นจดหมายน้อยให้ผม เธอเป็นลูกสาวคนหนึ่งของ “พ่อ” หรือ “นายเลื่อน ยี่ปา” ชาวบ้านที่หมู่บ้านฟ้าสวย หมู่ที่ 10 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ถูก “เจ้าหน้าที่” ทำร้ายร่างกายสาหัส
เพียงเพราะพ่อของเธอต้องการ “ปลูกขิงประมาณ 2 ไร่” ในปีนี้ บนผืนดินที่เมื่อปีที่แล้วพ่อของเธอก็ปลูก “แตงกวา” ปลูก “ฟักแฟง” และปลูก “พริก” ในที่ดินประมาณ 2 ไร่ดังกล่าวมาแล้ว
ทั้งๆ ที่กลุ่มที่รุมตีพ่อนั้น พ่อเองก็เคยช่วยนำทางเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เข้าป่าไปดับไฟป่ามาแล้ว
จดหมายน้อย “น้องกานดา” เขียนถึงผม หลังจากผมถามเธอว่า เกิดอะไรกับพ่อที่ “บนดอย” ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เขียนถึง “อาหมี”
หนูจะเขียนเหตุการณ์วันที่พ่อโดนทำร้ายร่างกายมาให้ฟังนะคะ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 หนูได้รับสายจากพี่สาวโทร.มาถามว่า ได้รู้ข่าวจากทางบ้านหรือยังว่า พ่อถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้
หนูจึงวางสายจากพี่สาว และโทร.กลับบ้านหาแม่ทันที ได้ทราบเรื่องจากแม่คร่าวๆ ว่า พ่อถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายจริง แต่กำลังนำส่งโรงพยาบาล จึงยังไม่สะดวกคุย เพราะระหว่างทางสัญญาณไม่ดี
แต่ก่อนวางสายก็ได้คุยกับพ่อนิดหน่อย พ่อเล่าให้ฟังว่า เค้าเรียกว่าลุง พอพ่อเงยขึ้นมาเค้าตีพ่อด้วยปลายพานปืน หลังจากพ่อล้ม เค้ายังขึ้นคร่อมพ่อเพื่อตีอีก ทั้งที่แผลพ่อเลือดไหลเยอะมาก
พ่อจึงพยายามลุกและเหวี่ยงเจ้าหน้าที่ล้มเพื่อป้องกันตัวเอง เมื่อเจ้าหน้าที่ล้มพ่อจึงลุกเพื่อวิ่ง แต่กลับหน้ามืดและโดนเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มจับหมอบ ขึ้นคร่อมหลังและดึงผม และตีเหมือนกับหมูกับหมา
หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง หนูโทร.หาแม่ใหม่ แม่บอกกำลังแจ้งความ ส่วนพ่อถูกนำส่งโรงบาลเชียงดาว หนูจึงขอสายพี่ชาย
พี่ชายบอกเล่าให้ฟังว่า เค้ากับน้องชายเห็นพ่อถูกทำร้าย จึงวิ่งหวังเข้าไปช่วย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่จับกดหน้าใส่กุญแจมือ
น้องชายคนเล็ก 8 ขวบ เห็นพ่อถูกทำร้ายจึงวิ่งไปบอกแม่ แม่ได้ยินเสียงปืน เลยได้แต่แอบอยู่ในกระท่อม เพราะหลานร้องไห้ พอน้องวิ่งไปถึงแม่ น้องบอกให้แม่ไปช่วยพ่อ บอกพ่อโดนเจ้าหน้าที่ตีเลือดไหลเต็มไปหมด
ด้วยที่แม่ได้ยินเสียงปืน เลยถามน้องว่า เจ้าหน้าที่ยิงพ่อเหรอ พ่อตายยัง
น้องตอบแม่ว่า ป่าว ไม่ได้ยิงพ่อ พ่อยังไม่ตาย แต่โดนตีเลือดไหลเยอะมาก
น้องร้องไห้ไม่หยุด เพราะความกลัวและเป็นห่วงพ่อ
แม่จึงโทร.หาอา และคนในหมู่บ้านให้มาช่วยพ่อ และแม่ก็ได้แอบอยู่ในกระท่อม เมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านมากันแม่จึงกล้าออกไปหาพ่อ
ฉันวางสายแม่และโทร.หาอา อาบอกพ่อเข้าห้องฉุกเฉิน เย็บทำแผลนานแล้ว ยังไม่ออกมาเลย
ชั่วโมงกว่าได้ฉันจึงโทร.หาอาใหม่ อาบอกว่า ทางโรงพยาบาลเชียงดาวจะส่งตัวให้ไปเอกซเรย์สมองที่โรงพยาบาลนครพิงค์
และเมื่อถึงโรงพยาบาลนครพิงค์ หมอทำการเอกซเรย์และส่งตัวกลับมาให้ทางโรงบาลเชียงดาวดูแลต่อ
โรงบาลเชียงดาวให้พ่อกลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่ให้ลงดอยมาทำแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม
วันที่ 3 พ่อไม่ได้ไปล้างแผล เพราะต้องเข้าให้ปากคำและพาพวกพี่ๆ ไปดูที่เกิดเหตุ
วันที่ 4 พ่อลงดอยไปล้างแผล จึงให้หมอตรวจอาการ เพราะพ่อปวดหัว ตาพร่าและกลืนน้ำลายลำบาก
หมอเช็กอาการและให้กลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน
และวันที่ 7 คือวันนี้ พ่อตัดไหมแล้วค่ะ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บันทึกนี้ “น้องกานดา” เล่าให้ผมฟังว่า ปีที่แล้วที่ดินแปลงดังกล่าวพ่อน้องเขาปลูกแตงกวา ฟักแฟง และพริก เพื่อเป็นอาหารและเลี้ยงครอบครัว
พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ปีนี้กำลังจะปลูกขิง พ่อของเธอก็มาโดนทำร้ายเสียก่อน
คำถามที่ค้างคาใจคือ ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ถึงมีอำนาจเหนือเหตุผลในผืนป่าบ่อยครั้ง?!
ชาวบ้านเคยคิดจะปลูกต้นไม้ใหญ่ที่เป็นพืชสวน ก็ปลูกไม่ได้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปฟันทิ้ง
คำถามมีว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐไม่ส่งเสริมตามแนวทางพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ชาวบ้านปลูกป่า ปลูกไม้ใหญ่ ปลูกกล้วย เพื่อสร้าง “ป่าเปียกกันไฟ”?!
ผมอยากจะถามเจ้าหน้าที่ว่า “คุณจุดไฟคับแค้น” ในหัวใจชาวบ้านบนดอยเหล่านี้ทำไม?!
หรืออยากเอาคนยากคนจนใส่เข้าไว้ใน “เรือนจำ” แล้วประเทศของเราจะได้อะไรจากการกระทำดังกล่าว?!
ชาวบ้านบนดอยสูงทำการเกษตร ล้วนแล้วแต่เป็น “พสกนิกร” ของ “พระราชา”
บนดอยตุงเขียวชอุ่มด้วยพระบารมี มีการพัฒนาเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ด้วยหลักเมตตาธรรม ไม่ใช่อำนาจมิใช่หรือ?!
ทำไมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่น้อมนำแบบอย่างของพระองค์ท่านมาเป็นแม่แบบของการพัฒนา?!
เขาต้องการปลูกขิง คุณทำร้ายเขาทำไม ผมไม่เข้าใจ?!
ทั้งๆ ที่มีคำสั่งกำชับไว้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 นายกรัฐมนตรีสั่งไว้ชัดเจน สรุปใจความสำคัญได้สั้นๆ ว่า....
การแก้ปัญหาที่ดินไม่ให้กระทบคนจนผู้ยากไร้?!?!