ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตกำหนดแนวทางให้คนต่างจังหวัดเดินทางออกนอกพื้นที่ใหม่ หลังปล่อยไปรอบแรกปัญหาตามมาหลายด้าน กำหนดให้ลงทะเบียนหนังสือรับรองการเดินทางข้ามจังหวัด FIT TO TRAVEL เพื่อใช้แสดงตนต่อจังหวัดปลายทาง ในการดำเนินการกักตัว 14 วัน
วันนี้ (2 พ.ค.) ภายหลังจากที่จังหวัดภูเก็ต ได้มีการอนุโลมให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางออกจากเกาะภูเก็ต เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากกิจการด้านการท่องเที่ยวภูเก็ตปิดกิจการเกือบทั้งหมด หลังไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ประชาชนต้องตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดภูเก็ตต่อไปได้ จึงได้แจ้งความประสงค์เพื่อขอกลับบ้านต่อทางจังหวัดกว่า 40,000 คน ทางจังหวัดภูเก็ตจึงได้เปิดให้กลับบ้านตั้งแต่เวลา 05.00 น. เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีประชาชนจำนวนมากได้ทยอยเดินทางออกจากภูเก็ต ทำให้เกิดปัญหารถติดยาวหลายกิโลเมตร บางจังหวัดออกมาแสดงปฏิกิริยาไม่ต้อนรับคนที่มาจากภูเก็ต ไม่ให้ผ่านด่าน จนต้องมีการสั่งหยุดการให้ประชาชนออกจากเกาะภูเก็ต เพื่อปรับปรุงระบบการเดินทางระหว่างจังหวัด การรายงานตัวต่อจังหวัดปลายทางใหม่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจทั้งผู้ที่เดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดปลายทางในการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากภูเก็ต ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ล่าสุด จังหวัดภูเก็ต อาศัยตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 5 และฉบับที่ 6 โดยมีสาระสำคัญระบุให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เว้นแต่มีความจำเป็นซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งต้องรับการตรวจคัดกรอง และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดอันอาจทำให้การเดินทางต้องใช้เวลามากกว่าปกติ และไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง
จากข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังคงตกค้างอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่ประสบปัญหาตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่อาศัยจึงมีความประสงค์ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดภูเก็ตจึงกำหนดแนวทางการลงทะเบียนหนังสือรับรองการเดินทางข้ามจังหวัด FIT TO TRAVELเพื่อใช้แสดงตนต่อจังหวัดปลายทาง ในการดำเนินการกักตัว 14 วัน
โดยมีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนแล้ว (ทางออนไลน์/อำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) สามารถ Print หนังสือรับรองการเดินทางข้ามจังหวัด ผ่านเว็บไซต์ www.phuket.go.th/FIT-to-Travel โดยกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ได้ด้วยตนเอง หรือตามสถานที่ที่ได้กำหนดไว้ทั้ง 3 อำเภอ ทั้งนี้ หากไม่พบข้อมูลอันเนื่องจากการผิดพลาดของระบบสามารถลงทะเบียนใหม่ได้
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ 1.ลงทะเบียนได้ที่ www.phuket.go.thFlT-to-Travel 2.กรอกข้อมูลส่วนบุคคล จุดหมายปลายทาง และรายละเอียดยานพาหนะ 3.พิมพ์ใบรับรอง เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย หรือสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ตามสถานที่ดังต่อไปนี้ 1.ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต 2.เทศบาลตำบลวิชิต 3.ที่ว่าการอำเภอกะทู้ 4.เทศบาลเมืองกะทู้ 5.ที่ว่าการอำเภอถลาง และ 6.เทศบาลตำบลศรีสุนทร
โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 12.00-20.30 น. และวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563 ถึงวันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม 2563 ตั้งแต่ 08.30-16.30 น.
เมื่อลงทะเบียนแล้วเสร็จให้รออนุมัติ หลังจากได้รับหนังสือรับรองการเดินทางข้ามจังหวัดภูเก็ตแล้วให้รอการอนุมัติการเดินทางออกนอกเขตจังหวัดภูเก็ตต่อไป
โดยระบบการลงทะเบียนดังกล่าวจะสามารถจัดลำดับให้ประชนเดินทางออกจากเกาะภูเก็ตตามลำดับ โดยที่ประชาชนไม่ต้องไม่รอเข้าคิวที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ลดปัญหาการจราจรติดขัด ประชาชนจะได้รับรู้ว่าตนเองจะได้เดินทางกลับมาในวันไหน รวมทั้งมีหนังสือรายงานต่อจังหวัดปลายทางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า การอนุโลมให้คนต่างจังหวัดออกนอกเกาะภูเก็ตได้รอบใหม่ น่าจะเริ่มในวันที่ 3 พ.ค.นี้ แต่ทั้งนี้ จะต้องรอความชัดเจนจากทางจังหวัดภูเก็ต และ หน่วยงานที่รับผิดชอบอีกครั้งหนึ่ง
รายงานข่าวยังระบุอีกว่า สำหรับคนต่างจังหวัดที่ต้องการจะเดินทางออกจากภูเก็ตเมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากเกาะภูเก็ตได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะไม่สามารถเดินทางกลับถึงภูมิลำเนาได้ก่อนเวลาประกาศเคอร์ฟิว ในเวลา 22.00 น. จำนวน 34 คน ทางจังหวัดได้จัดให้พักค้างคืนที่สำนักงานขององค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อ.ถลาง ซึ่งอยู่ติดกับด่านท่าฉัตรไชย พร้อมกับจัดอาหาร ให้การดูแล
ในขณะเดียวกัน นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอถลาง ติดตาม เยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่ออกจาก จ.ภูเก็ตไม่ได้ และยังตกค้างอยู่ ณ ที่ทำการ อบต.ไม้ขาว จำนวน 34 คน พูดคุยให้กำลังใจ ให้ความรู้การปฏิบัติ แจกหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือด้วย