ปัตตานี - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจงคืบหน้าเหตุปะทะคนร้ายเสียชีวิต 3 ศพ ในพื้นที่บ้านปะการือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบทั้งหมดมีประวัติหมายจับรวมกัน 10 หมาย ย้ำเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร
วันนี้ (1 พ.ค.) พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบเพื่อบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่บ้านปะการือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้ปะทะกับกลุ่มคนร้าย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ปัจจุบันอาการปลอดภัย จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบคนร้ายเสียชีวิต 3 ราย สามารถตรวจยึดอาวุธปืนได้ จำนวน 3 กระบอก ประกอบด้วย ปืนลูกซอง ปืนเล็กยาวเอเค 102 และปืนพกขนาด .38 สำหรับอาวุธที่ตรวจยึดได้ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จะนำไปตรวจสอบประวัติ และความเชื่อมโยงทางคดีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย พบว่า มีประวัติหมายจับรวม 10 หมาย ก่อคดีที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยคนร้ายประกอบด้วย 1.นายยูโต๊ะ แมะตีเมาะ บุคคลตาม ป.วิอาญา 7 หมายที่สำคัญ จากเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เมื่อปี 2559 และเหตุระบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4303 เมื่อปี 2560 2.นายมะตามีซี สาอิ บุคคลตามหมายจับคดีปล้นร้านทองสุธาดา อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 3.นายอับดุลอาซิ ปากียา บุคคลตามหมายจับจากเหตุระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อปี 2560 ทั้ง 3 คนยังเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุโจมตีจุดตรวจบ้านกอแลบีเละ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 อีกด้วย
โดยคดีที่กลุ่มคนร้ายทั้ง 3 คนได้ก่อขึ้นล้วนเป็นคดีที่มีความรุนแรง อุกฉกรรจ์ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องของวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ก่อให้เกิดความสะเทือนขวัญ และความหวาดกลัวให้แก่พี่น้องประชาชน สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ ทำลายความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน รวมถึงทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในวงกว้าง
คดีวางระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี กลุ่มคนร้ายกระทำการด้วยความโหดเหี้ยม ล่อลวง นายนุสนธ์ ขจรดำ ช่างติดผ้าใบเพื่อนำรถยนต์ไปก่อเหตุวางระเบิด หลังจากนั้น ได้สังหาร นายนุสนธ์ ขจรดำ นำศพไปทิ้งป่าละเมาะข้างทาง และได้นำรถยนต์ไปก่อเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กชีปัตตานี สร้างความหวาดกลัว สร้างความแตกตื่นให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนคดีปล้นร้านทองในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา กลุ่มคนร้ายได้มีการวางแผนปล้นรถตู้จากพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อนำไปปล้นร้านทอง ถือเป็นคดีที่อุกอาจเนื่องจากปฏิบัติการในช่วงกลางวัน และกลุ่มคนร้ายได้หลบหนีไป ซึ่งคดีทั้งหมดนี้ถือเป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวให้แก่พี่น้องประชาชน รวมทั้งทำลายระบบเศรษฐกิจพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวม
การปฏิบัติในครั้งนี้เป็นการบังคับใช้กฎหมายต่ออาชญากรที่กระทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อน และความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้
ทั้งนี้ ผลจากการแจ้งข่าวของพี่น้องประชาชนที่พบความเคลื่อนไหวกลุ่มบุคคลต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าพิสูจน์ทราบ แต่ถูกกลุ่มคนร้ายเปิดฉากยิงใส่ จึงได้เกิดการปะทะ และเกิดการสูญเสียดังกล่าว โดยในห้วงเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ และเดือนแห่งการทำความดี แต่ในห้วงที่ผ่านมา ได้พบเบาะแส และภาพข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้ายเตรียมก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น สำหรับผู้ให้การสนับสนุนโดยเฉพาะผู้ให้ที่พักพิง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมเพื่อดำเนินการตามกฎหมายฐานให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแพระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอัตราการแพร่ระบาดค่อนข้างสูง เจ้าหน้าที่รัฐต้องสร้างความรับรู้ ความเข้าใจให้แก่พี่น้องประชาชนในการป้องกัน และกำจัดเชื้อโควิด-19 ในทุกรูปแบบ แต่ยังมีผู้ไม่หวังดี และผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามสร้างสถานการณ์ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการวางระเบิด หรือด้วยการปฏิบัติการอื่นๆ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้อย่างสะดวก จึงขอฝากพี่น้องประชาชนหากพบเห็นบุคคลที่ต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่หรือแจ้งไปยังหมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร.06-1173-2999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
๐ จนท.ปะทะเดือดที่ปัตตานีหลังชาวบ้านแจ้งเบาะแสกลุ่มคนต้องสงสัย ส่งผลโจรใต้เสียชีวิต 3 ราย