ปัตตานี - ผู้ว่าฯ จ.ปัตตานี ย้ำเปิดตลาดช่วงรอมฎอนได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการเข้มจัดทำ 4 สถานี ขณะที่แรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากมาเลเซียพบเข้าข่ายต้องสงสัย 10 ราย
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปัตตานี ล่าสุด ในวันนี้ไม่มีมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ยอดสะสมยังอยู่ที่ 91 ราย ขณะที่แรงงานไทยที่เดินทางกลับ ตั้งแต่วันที่ 18-21 เมษายน 2563 ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผ่านด่านต่างๆ ทั้งด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ด่านสะเดา จ.สงขลา ด่านวังประจัน จ.สตูล ด่านตำมะลัง จ.สตูล มียอดผู้ที่เดินทางกลับทั้งสิ้น 1,687 คน ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี จำนวน 557 คน โดยพบมีผู้ต้องสงสัยที่เข้าข่าย จำนวน 10 ราย จ.ปัตตานี ได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อ และกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม เพื่อเฝ้าระวัง และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
ในส่วนของมาตรการในห้วงเดือนรอมฎอน ให้ถือตามประกาศของจุฬาราชมนตรี เกี่ยวกับข้อปฏิบัติ และข้อควรงดเว้นต่างๆ อย่างเคร่งครัด แต่ยังคงมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง และหามาตรการในป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คือ การเปิดตลาดในช่วงถือศีลอดเดือนรอมฎอน ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่จังหวัดประกาศ หมายถึงการจัดให้มีสถานี 4 สถานี สถานีที่ 1 การพักคอย คนที่มาต้องใส่หน้ากาก มีเจลล้างมือ หรืออ่างล้างมือ และนั่งห่างกัน ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดหรือยืนห่างก่อน สถานีที่ 2 มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ สอบถามประวัติว่าเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หมายถึงพื้นที่ที่เรามีการปิดหมู่บ้านหรือมีคนป่วยอยู่หรือไม่ การคัดกรองบุคคลบางประเภท ตามประกาศในข้อกำหนด พ.ร.ก.ที่ห้ามอยู่ 3 ประเภท คือ คนที่อายุ 70 ปี เด็กต่ำกว่า 5 ขวบ และคนที่มีโรคประจำตัว สถานีที่ 3 ในตลาดต้องเริ่มจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของ ต้องจัดเว้นระยะห่างทางสังคม ถ้าเห็นว่าคนมาจับจ่ายมากก็ต้องคัดกรองคนเข้า อย่าให้มีคนหนาแน่นต้องมีน้ำใจ และมีส่วนร่วม เพื่อร่วมกันหยุดการแพร่ระบาดของโรค และสถานีที่ 4 หมายถึงว่าเมื่อซื้อของเสร็จต้องรีบเดินทางกลับ
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ยังกล่าวอีกว่า ในวันนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ให้จัดตั้งครัวพระราชทานยังพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง และ อ.ยะรัง เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จนถึงวันที่ 30 เมษายนเป็นเวลา 7 วัน เป็นพระกรณีพิเศษ สำหรับผู้ที่ถูกกักตัวเอง 14 วัน เป็นอาหารมื้อเย็น และกลางคืน ในส่วนจังหวัดจะเข้าไปเติมเต็มตามศูนย์กักตัวอื่นๆ ให้เป็นแนวทางการปฏิบัติที่สอดคล้องกัน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
