สุราษฎร์ธานี - สภาทนายความภาค 8 ยื่นมือช่วยทำคดีผู้ใหญ่บ้านยิงพระนักพัฒนาดับพร้อมลูกศิษย์ 2 ศพ ขณะญาติยังไม่เผาศพจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
จากกรณีนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี พระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี มรณภาพคาที่ และนายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 47 ปี เสียชีวิต
ล่าสุดทางแม่ และญาติๆ และลูกศิษย์ ของพระชลธาร มีมติร่วมกันว่าจะเก็บศพพระชลธาร ไว้ก่อนเพื่อรอดูความคืบหน้าของคดี และจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะประเด็นที่ผู้ต้องหาอ้างว่าพระชักปืนต่อสู้ แต่พยานหลักฐานที่เกิดเหตุขัดแย้งกับความเป็นจริง และเป็นการกระทำต่อหน้าปลัดอำเภอท่าชนะ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่อยู่ในเหตุการณ์มากกว่า 10 นาย
นายประกอบ กาญจนบุตร อายุ 53 ปี พี่ชายพระชลธาร กล่าวว่า เดิมมีกำหนดการจะทำพิธีฌาปนกิจศพวันนี้ ที่วัดปังหวาน อ.พระโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นวัดที่พระชลธาร บวชก่อนธุดงค์มาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา แต่หลังจากได้พูดคุยกับแม่ ญาติ และลูกศิษย์ของพระชลธาร มีความเห็นตรงกันว่าจะเก็บศพได้ก่อนที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ของภาคใต้ตอนบน ไม่มีกำหนด จนกว่าผลการชันสูตรศพออกมาและได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่นางประกอบ กาญจนบุตร อายุ 79 ปี แม่ของพระชลธาร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลำพังแม่ได้ศพลูกมาทำบุญก็ดีใจแล้ว แต่เมื่อคนเข้ามาช่วยและพี่ๆ น้องๆ ของพระชลธาร มีมติจะเก็บศพไว้ก่อนก็ดีใจมาก และก่อนหน้านี้ตนเองเคยบอกพระชลธาร ให้มาอยู่ที่วัดปังหวาน บ้านเกิด หลังจากที่ทราบเรื่องว่ามีผู้ใหญ่บ้านข่มขู่ถึง 2 ครั้ง แต่พระชลธารปฏิเสธ โดยบอกว่าเมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ และมีชาวบ้านรักชอบมากกว่าคนเกลียด อยู่ที่ไหนก็ตายถ้าตายก็จบ ซึ่งไม่คิดว่าลูกชายจะมาตายในวันเกิดของตัวเอง หากมองอีกมุมก็มองว่าวาสนามีแค่นี้ อายุขััยของพระชลธารมีแค่นี้ แต่ที่เสียใจคือไม่น่าจะตายด้วยสภาพนี้ทั้งที่ทำงานให้แก่ชาวบ้านและสังคม
เช่นเดียวกับสามเณร ชัยณรงค์ กาญจนบุตร ลูกชายพระชลธาร ซึ่งบวชหน้าไฟ ให้พระชลธาร ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ดูจากสภาพศพเป็นการลอบสังหารพระชลธาร มากกว่า พระไม่สามารถใช้ปืนหรือมีดได้ เพราะไม่สมควร และทราบมาว่าพระชลธาร ถูกผู้ใหญ่บ้านคนนี้ยิงปืนขู่มา 2 ครั้ง อาจจะขัดแย้งกันเรื่องของการสร้างฝาย
ขณะเดียวกัน สำหรับคดีนี้เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมจับตามองและติดตามข่าวสารกันมาก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ ล่าสุดทางสภาทนายความภาค 8 ได้มอบหมายให้นายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ รองประธานสภาทนายความภาค 8 เข้ามาติดตามคดีนี้ โดยนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ กล่าวว่า มาดูคดีนี้เพื่อความกระจ่างชัดของคดี โดยในเบื้องต้น ต้องทำความจริงให้กระจ่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นทาง ที่ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สถาบันนิติเวช จะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาและสามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยของสังคมได้ และตอบคำถามที่คาใจของญาติพี่น้องผู้สูญเสียให้ได้เช่นกัน ซึ่งในเบื้องต้นจึงได้มีการหารือกันว่าจะดำเนินการฌาปณกิจศพในเวลาเร่งด่วนก่อนผลการพิสูจน์ของสถาบันนิติเวชหรือผลการพิสูจน์หลักฐานยังไม่กระจ่างชัดอาจจะทำให้หลักฐานบางอย่างถูกทำลายลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉะนั้นจึงมีข้อสรุปของญาติพี่น้องว่าจะเก็บศพไว้ก่อนในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 100 วัน จนกว่าผลการพิสูจน์จะออกมาชัดเจน และขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและต้องทำความจริงให้ปรากฏ อย่าให้สถานการณ์มันคลุมเครือ มิฉะนั้นมันจะมีคำถามคาใจและตอบสังคมไม่ได้
ทางสภาทนายความภาค 8 ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งทางญาติผู้สูญเสียจะต้องใช้สิทธิการเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในการเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องค่าเสียหายตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทนายยังย้ำอีกว่า เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนจะทำงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวังรักษาพยานหลักฐานทุกอย่างไม่ให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลจะต้องมีพยานหลักฐานที่มีที่ไปอย่างถูกต้องและรอบด้านอีกด้วย
ซึ่งข่าวที่ออกมาเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กระทำความผิด อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่าเป็นการป้องกันตัว ในขณะที่ฝ่ายผู้สูญเสียก็มีพยานบุคคลและพยานหลักฐานหลายๆ อย่างที่บ่งชี้ไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปฏิบัติหน้าที่ปกติ แต่น่าจะเป็นกรณีที่มีเหตุบาดหมางอย่างอื่นด้วย เรื่องนี้ต้องค้นหาความจริงจากพยานบุคคลและพยานสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้มีลูกศิษย์พระชลธารที่เป็นทนายความ ผู้ใหญ่ในวงราชการ รวมทั้งทนายเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับพระชลธารแสดงเจตจำนงยื่นมือเข้าช่วยเหลือทางคดีความกันจำนวนมาก
ด้านลูกศิษย์คนสนิทพระ ได้เปิดเผยว่า พระชลธารไม่มีทรัพย์สินมีค่าส่วนตัว ตอนเสียชีวิตตัวเลขเงินในบัญชีไม่มี ดังนั้น ทางกลุ่มลูกศิษย์เตรียมระดมทุนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร ต่อไป
จากกรณีนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี พระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี มรณภาพคาที่ และนายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 47 ปี เสียชีวิต
ล่าสุดทางแม่ และญาติๆ และลูกศิษย์ ของพระชลธาร มีมติร่วมกันว่าจะเก็บศพพระชลธาร ไว้ก่อนเพื่อรอดูความคืบหน้าของคดี และจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะประเด็นที่ผู้ต้องหาอ้างว่าพระชักปืนต่อสู้ แต่พยานหลักฐานที่เกิดเหตุขัดแย้งกับความเป็นจริง และเป็นการกระทำต่อหน้าปลัดอำเภอท่าชนะ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่อยู่ในเหตุการณ์มากกว่า 10 นาย
นายประกอบ กาญจนบุตร อายุ 53 ปี พี่ชายพระชลธาร กล่าวว่า เดิมมีกำหนดการจะทำพิธีฌาปนกิจศพวันนี้ ที่วัดปังหวาน อ.พระโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นวัดที่พระชลธาร บวชก่อนธุดงค์มาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา แต่หลังจากได้พูดคุยกับแม่ ญาติ และลูกศิษย์ของพระชลธาร มีความเห็นตรงกันว่าจะเก็บศพได้ก่อนที่นิติเวชโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ของภาคใต้ตอนบน ไม่มีกำหนด จนกว่าผลการชันสูตรศพออกมาและได้รับความเป็นธรรม
ขณะที่นางประกอบ กาญจนบุตร อายุ 79 ปี แม่ของพระชลธาร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลำพังแม่ได้ศพลูกมาทำบุญก็ดีใจแล้ว แต่เมื่อคนเข้ามาช่วยและพี่ๆ น้องๆ ของพระชลธาร มีมติจะเก็บศพไว้ก่อนก็ดีใจมาก และก่อนหน้านี้ตนเองเคยบอกพระชลธาร ให้มาอยู่ที่วัดปังหวาน บ้านเกิด หลังจากที่ทราบเรื่องว่ามีผู้ใหญ่บ้านข่มขู่ถึง 2 ครั้ง แต่พระชลธารปฏิเสธ โดยบอกว่าเมื่อทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ และมีชาวบ้านรักชอบมากกว่าคนเกลียด อยู่ที่ไหนก็ตายถ้าตายก็จบ ซึ่งไม่คิดว่าลูกชายจะมาตายในวันเกิดของตัวเอง หากมองอีกมุมก็มองว่าวาสนามีแค่นี้ อายุขััยของพระชลธารมีแค่นี้ แต่ที่เสียใจคือไม่น่าจะตายด้วยสภาพนี้ทั้งที่ทำงานให้แก่ชาวบ้านและสังคม
เช่นเดียวกับสามเณร ชัยณรงค์ กาญจนบุตร ลูกชายพระชลธาร ซึ่งบวชหน้าไฟ ให้พระชลธาร ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ดูจากสภาพศพเป็นการลอบสังหารพระชลธาร มากกว่า พระไม่สามารถใช้ปืนหรือมีดได้ เพราะไม่สมควร และทราบมาว่าพระชลธาร ถูกผู้ใหญ่บ้านคนนี้ยิงปืนขู่มา 2 ครั้ง อาจจะขัดแย้งกันเรื่องของการสร้างฝาย
ขณะเดียวกัน สำหรับคดีนี้เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมจับตามองและติดตามข่าวสารกันมาก เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจ ล่าสุดทางสภาทนายความภาค 8 ได้มอบหมายให้นายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ รองประธานสภาทนายความภาค 8 เข้ามาติดตามคดีนี้ โดยนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ กล่าวว่า มาดูคดีนี้เพื่อความกระจ่างชัดของคดี โดยในเบื้องต้น ต้องทำความจริงให้กระจ่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นทาง ที่ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สถาบันนิติเวช จะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาและสามารถตอบคำถามหรือข้อสงสัยของสังคมได้ และตอบคำถามที่คาใจของญาติพี่น้องผู้สูญเสียให้ได้เช่นกัน ซึ่งในเบื้องต้นจึงได้มีการหารือกันว่าจะดำเนินการฌาปณกิจศพในเวลาเร่งด่วนก่อนผลการพิสูจน์ของสถาบันนิติเวชหรือผลการพิสูจน์หลักฐานยังไม่กระจ่างชัดอาจจะทำให้หลักฐานบางอย่างถูกทำลายลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ฉะนั้นจึงมีข้อสรุปของญาติพี่น้องว่าจะเก็บศพไว้ก่อนในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 100 วัน จนกว่าผลการพิสูจน์จะออกมาชัดเจน และขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมาและต้องทำความจริงให้ปรากฏ อย่าให้สถานการณ์มันคลุมเครือ มิฉะนั้นมันจะมีคำถามคาใจและตอบสังคมไม่ได้
ทางสภาทนายความภาค 8 ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งทางญาติผู้สูญเสียจะต้องใช้สิทธิการเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการในการเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องค่าเสียหายตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทนายยังย้ำอีกว่า เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนจะทำงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวังรักษาพยานหลักฐานทุกอย่างไม่ให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลจะต้องมีพยานหลักฐานที่มีที่ไปอย่างถูกต้องและรอบด้านอีกด้วย
ซึ่งข่าวที่ออกมาเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กระทำความผิด อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่าเป็นการป้องกันตัว ในขณะที่ฝ่ายผู้สูญเสียก็มีพยานบุคคลและพยานหลักฐานหลายๆ อย่างที่บ่งชี้ไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปฏิบัติหน้าที่ปกติ แต่น่าจะเป็นกรณีที่มีเหตุบาดหมางอย่างอื่นด้วย เรื่องนี้ต้องค้นหาความจริงจากพยานบุคคลและพยานสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้มีลูกศิษย์พระชลธารที่เป็นทนายความ ผู้ใหญ่ในวงราชการ รวมทั้งทนายเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับพระชลธารแสดงเจตจำนงยื่นมือเข้าช่วยเหลือทางคดีความกันจำนวนมาก
ด้านลูกศิษย์คนสนิทพระ ได้เปิดเผยว่า พระชลธารไม่มีทรัพย์สินมีค่าส่วนตัว ตอนเสียชีวิตตัวเลขเงินในบัญชีไม่มี ดังนั้น ทางกลุ่มลูกศิษย์เตรียมระดมทุนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่พระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร ต่อไป
