ชุมพร - ลุงวัย 52 ปี ในจังหวัดชุมพร อาชีพหาหอยขาย รับจ้างทั่วไป เหลือข้าวสารกรอกหม้อมื้อสุดท้าย ตกงานนาน 3 เดือน ไม่มีเงินซื้อต้องกินข้าวกับปลาเค็ม ลงทะเบียน “คนไทยไม่ทิ้งกัน” ขอรับเยียวยาผลกระทบโควิต-19 เกือบ 10 ครั้งไม่ผ่าน
วันนี้ (11 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านหาดผาแดงพบกับ นายวิฑูรย์ จุลศักดิ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/2 หมู่ 1 ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร มีอาชีพหาหอยทะเลขายและรับจ้างทั่วไป มีฐานะยากจนต้องรับผิดชอบครอบครัวลูกหลานอีก 4 ชีวิต ลูกชายคนโตพิการทางสมอง ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง ทำให้ไม่มีงานทำเนื่องจากแม่ค้าและผู้ประกอบการร้านค้าที่เคยรับซื้อหอยและเคยจ้างงานต้องปิดกิจการทั้งหมด โดยนายวิฑูรย์ ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าไปในครัวพร้อมกับหยิบถังใส่ข้าวสารให้ดูว่าครอบครัวตนเองเหลือข้าวสารกรอกหม้อให้หุงกินเพียงมื้อสุดท้ายเท่านั้น ส่วนกับข้าวมีเพียงปลาเค็ม เพราะไม่มีเงินซื้อ
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตกงานมานาน 3 เดือนแล้ว เนื่องจากตนมีอาชีพหาหอยขมทะเล หอยจอก หอยลาย ตามชายฝั่งส่งขายให้แก่ร้านอาหารและแม่ค้าในตลาดและรับจ้างทั่วไป หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ร้านอาหารต้องปิด แม่ค้าไม่รับซื้อหอย ไม่มีเจ้าของกิจการมาจ้างงาน ทำให้ตนตกงานมา 3 เดือนแล้ว วันนี้ตนเหลือข้าวสารกรอกหม้อมื้อสุดท้ายเท่านั้น ส่วนกับข้าวก็มีแต่ปลาเค็มอย่างเดียว ไข่และกับข้าวอื่นๆ ไม่มีเลยเพราะตนไม่มีเงินซื้ออีกแล้ว จะไปขอยืมใครในหมู่บ้านก็ไม่ได้ เนื่องจากทุกคนเดือดร้อนเหมือนกันหมด ครอบครัวตนอยู่กันมีลูกและหลาน 4 คน ลูกชายคนโตพิการทางสมองมานานหลายปีแล้ว ส่วนภรรยารับจ้างทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ตอนนี้ตกงานเหมือนกันและกลับมาบ้านที่ชุมพรไม่ได้เพราะอยู่พื้นที่เสี่ยงถูกกักตัวไม่ให้กลับมา
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า หลังรัฐบาลประกาศช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ตนก็ให้ลูกหลานช่วยกรอกข้อมูลลงทะเบียนทางออนไลน์ ระบุอาชีพหาหอยขายให้แก่ร้านอาหารและอาชีพรับจ้างทั่วไปตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ลงทะเบียนเกือบ 10 ครั้งแล้วก็ยังได้รับคำตอบแบบเดิม คือ “แจ้งผลการลงทะเบียนมาตรการชดเชยรายได้เราไม่ทิ้งกันไม่สำเร็จ เนื่องจากข้อมูลตามบัตรประชาชนที่ท่านระบุไม่ถูกต้อง” ตนก็งงว่าไม่ถูกต้องอย่างไร
“ขอฝากถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลขอให้ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่ กำนัน และหน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาสำรวจในพื้นที่ว่าบ้านหลังใดมีอาชีพอะไรได้รับผลกระทบจริงหรือไม่อย่างไร หรือจะมอบให้ครอบครัวละ 5,000 บาทก็ได้จะได้ทั่วถึง เพราะบางครอบครัวมีหลายคนกลับได้รับเงินชดเชยกันครบทุกคน ไม่ใช่ใช้วิธีสุ่มเลือกจากคนลงทะเบียนทางออนไลน์โดยไม่รู้ความจริงจนมีปัญหาอยู่ในขณะนี้” นายวิฑูรย์ กล่าวในที่สุด