...
....
ศูนย์ข่าวภาคใต้ – “ธานินทร์ ใจสมุทร” โพสต์เฟซบุ๊กขอภัย แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อกรณีพาคนไทยที่ไปร่วมกิจกรรมดาวะห์ที่อินโดนีเซียกลับแล้วตรวจพบติดเชื้อ 42 คน เผยยังมีอีก 300 คน ทั้งอินโดฯ-อินเดีย ฝากความหวังให้ช่วยกลับบ้าน วอนคนไทยช่วยสนับสนุน.
จากกรณีเมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ระบุว่า กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากการไปร่วมกิจกรรมดาวะห์ที่ประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 76 คน พบมีผู้ติดเชื้อ 42 คน โดย จ.สตูล มีผู้ป่วย 16 คน แบ่งไปกักตัวที่โรงพยาบาลสนาม จ.สตูล 15 คน กักตัวที่สนามกีฬาพรุค้างคาว จ.สงขลา 1 คนนั้น
นายธานินทร์ ใจสมุทร อดีต ส.ส.สตูล ในฐานะผู้ประสานงานนำคนไทยที่ติดค้างในต่างประเทศเนื่องจากโรคระบาดโควิด-19 กลับประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวขออภัยและแสดงความเสียใจการคนไทยที่ติดค้างในต่างแดนกลับประเทสไทยก่อให้เกิดความกังวลแก่ประชาชน โดยนายธานินทร์ ระบุว่า “กระผมในฐานะผู้ประสานงานเพื่อนำคนไทยกลับ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังพี่น้องชาวไทย ที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความกังวลแก่พี่น้อง ผมจึงขออภัยมายังพี่น้อง ณ โอกาสนี้เป็นอย่างสูง และขอให้เชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยที่จะควบคุมการแพร่ระบาดและดูแลพวกเขาเหล่านั้นได้”
นายธานินทร์ ระบุว่า เหตุผลส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องนำพี่น้องที่ตกค้างเหล่านั้นกลับสู่ประเทศไทยก็เนื่องจากว่า หลายๆ พื้นที่มีการระบาดของโรคอย่างกว้างขวาง และระบบสาธารณสุขของไทยมีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ในระดับมาตรฐานสากล ซึ่งลดความกังวล พร้อมกับสร้างความอบอุ่นใจให้แก่บรรดาญาติพี่น้องของผู้เจ็บป่วยได้ระดับหนึ่ง เราในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน มีความรักมีความหวงแหนและเฝ้าติดตามข่าวกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งขณะนี้มีพี่น้องของเราที่ติดอยู่ในต่างแดนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับรายงานผ่านตน จากอินโดนีเซียก็มีจำนวน 100 กว่าคน จากประเทศอินเดียอีกจำนวนร่วม 200 คน บางส่วนเป็นนักศึกษา บางส่วนไปในกิจกรรมต่างๆ กัน ซึ่งมีทั้งพี่น้องชาวพุทธและมุสลิม
“ลองคิดดูสิว่า 300 กว่าชีวิต ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับเราในการที่จะนำพวกเขาเหล่านั้นกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งเมื่อกลับมาแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการที่รัดกุมเพื่อกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน ในบริเวณที่กำหนดไว้ ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงขอเรียกร้องให้พี่น้องทั้งหลายได้ช่วยกันผลักดันและสนับสนุนให้ภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งพวกเขาได้ฝากความหวังไว้กับพวกเราทุกคน”