สุราษฎร์ธานี - พยานคนสำคัญออกมาแฉนาทีสังหารพระนักพัฒนากับชาวบ้าน ระบุเหตุเกิดก่อนถึงเวลาเคอร์ฟิว แต่ถูกถ่วงเวลา และถูกกักตัวให้เข้าอยู่ในเวลาเคอร์ฟิว เชื่อมาจากปัญหาขัดแย้งส่วนตัว

จากกรณีนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี พระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี และลูกศิษย์ เสียชีวิตรวม 2 ศพ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนพ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ดูข่าวทางสื่อมวลชนแล้ว กลัวว่าผู้เสียชีวิตจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวว่าจะตายฟรีทั้ง 2 คน ซึ่งวันเกิดเหตุตัวเองกับเพื่อนซึ่งเป็นชาวบ้านได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อจับผึ้งตั้งแต่เวลา 15.00 น. พร้อมเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปนอนค้างคืนที่สำนักสงฆ์ด้วย โดยตนเองเป็นคนอาสาปีนขึ้นบนต้นไม้เก็บน้ำผึ้ง เพราะตนมีความสามารถด้านนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านมาขอน้ำผึ้งกับพระชลธาร โดยพระบอกว่าการเอาน้ำผึ้ง ขอร้องอย่าใช้ไฟ เพราะกลัวไฟจะไหม้ป่า ซึ่งพระชลธาร เป็นคนรักป่าไม้มาก และแนะนำกับชาวบ้านว่าให้ตนเองเป็นคนปีนขึ้นไปเพราะตนเองมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ โดยใช้เวลาปีนขึ้นต้นไม้และเก็บน้ำผึ้งใช้เวลาแต่ละรอบไม่เกิน 15 นาที ซึ่งครั้งนี้ตนเองปีนขึ้นไป 1 รอบแล้ว
จากนั้นจะปีนต่อ จนกระทั่งเวลา 21.00 น.ตนเองจะขึ้นอีกรอบ และระหว่างที่ตัวเองอยู่บนต้นไม้นั้นราวๆ เวลา 21.20 น. ซึ่งพระชลธาร เป็นผู้จับเวลากับโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด จากนั้นมีผู้ใหญ่บ้านกับพวก 2 คน มา และได้พูดว่าผิด พ.ร.ก.เรียกให้ชาวบ้านคนอื่นที่อยู่ใต้ต้นไม้นั่งลง และบอกให้พระชลธารนั่งด้วยแต่พระชลธารไม่นั่ง จากนั้นได้โต้เถียงกันขึ้นกับพระชลธาร และพยายามยื้อเวลาให้ถึงช่วงเวลาเคอร์ฟิว และมีการโทรศัพท์เรียกชุดเคลื่อนที่เร็วมาประมาณ 10 กว่าคน โดยมีปลัดอำเภอมาด้วย และตนเองได้ยินเสียงพูดว่า "มึงมาทำงานแล้วเมาทุกครั้ง"
จากนั้นมีการโต้เถียงกันกับพระชลธาร โดยใช้คำว่า "มึงเป็นพระแล้วพาคนมาจับผึ้ง" โดยพระชลธาร ตอบไปว่าชาวบ้านมาขอตนเองอนุญาตและยังไม่อยู่ในเวลาเคอร์ฟิว เถียงกันนานราวๆ 2-3 ชั่วโมง โดยต้องการที่จะจับพระชลธาร ให้ได้แต่พระไม่ยอม จากนั้นตนเองก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด โดยนัดที่ 4 หันกระบอกปืนขึ้นไปยิงตนบนต้นไม้และเรียกให้ลงมาตนก็รีบลงมาแต่แอบอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่นานราว 4-5 ชั่วโมง จึงออกมาและทราบว่าพระชลธาร กับนายชูรัตน์ คงคล้าย ถูกยิงเสียชีวิต
ตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์เรื่องการจับผึ้งก่อนเคอร์ฟิว แต่ฝ่ายปกครองพยายามถ่วงเวลา เพื่อต้องการที่จะเอาผิดกับพระชลธาร เพราะเคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อนระหว่างพระกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่ดิน แต่พระชลธาร ได้รณรงค์ให้ปลูกต้นไม้กันพื้นที่ไว้อนุรักษ์ และมีแนวร่วมซึ่งเป็นชาวบ้านจำนวนมาก ยกเว้นพรรคพวกของผู้ใหญ่บ้านในละแวกใกล้เคียงกับสำนักสงฆ์
สำหรับตนเองได้มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุทุกคำพูดที่บอกกล่าวตรงกับคำให้การต่อพนักงานสอบสวน นอกจากนั้นขณะที่ตนเดินทางมาที่โรงพักยังพบตัวผู้ใหญ่บ้านยังเดินเล่นอยู่แถวหน้าโรงพักอีกด้วย จึงทำให้ตนหวาดกลัวความไม่ปลอดภัย
จากกรณีนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร อายุ 49 ปี เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี พระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี และลูกศิษย์ เสียชีวิตรวม 2 ศพ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนพ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ดูข่าวทางสื่อมวลชนแล้ว กลัวว่าผู้เสียชีวิตจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวว่าจะตายฟรีทั้ง 2 คน ซึ่งวันเกิดเหตุตัวเองกับเพื่อนซึ่งเป็นชาวบ้านได้เข้าไปในพื้นที่เพื่อจับผึ้งตั้งแต่เวลา 15.00 น. พร้อมเตรียมอุปกรณ์เพื่อไปนอนค้างคืนที่สำนักสงฆ์ด้วย โดยตนเองเป็นคนอาสาปีนขึ้นบนต้นไม้เก็บน้ำผึ้ง เพราะตนมีความสามารถด้านนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านมาขอน้ำผึ้งกับพระชลธาร โดยพระบอกว่าการเอาน้ำผึ้ง ขอร้องอย่าใช้ไฟ เพราะกลัวไฟจะไหม้ป่า ซึ่งพระชลธาร เป็นคนรักป่าไม้มาก และแนะนำกับชาวบ้านว่าให้ตนเองเป็นคนปีนขึ้นไปเพราะตนเองมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ โดยใช้เวลาปีนขึ้นต้นไม้และเก็บน้ำผึ้งใช้เวลาแต่ละรอบไม่เกิน 15 นาที ซึ่งครั้งนี้ตนเองปีนขึ้นไป 1 รอบแล้ว
จากนั้นจะปีนต่อ จนกระทั่งเวลา 21.00 น.ตนเองจะขึ้นอีกรอบ และระหว่างที่ตัวเองอยู่บนต้นไม้นั้นราวๆ เวลา 21.20 น. ซึ่งพระชลธาร เป็นผู้จับเวลากับโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด จากนั้นมีผู้ใหญ่บ้านกับพวก 2 คน มา และได้พูดว่าผิด พ.ร.ก.เรียกให้ชาวบ้านคนอื่นที่อยู่ใต้ต้นไม้นั่งลง และบอกให้พระชลธารนั่งด้วยแต่พระชลธารไม่นั่ง จากนั้นได้โต้เถียงกันขึ้นกับพระชลธาร และพยายามยื้อเวลาให้ถึงช่วงเวลาเคอร์ฟิว และมีการโทรศัพท์เรียกชุดเคลื่อนที่เร็วมาประมาณ 10 กว่าคน โดยมีปลัดอำเภอมาด้วย และตนเองได้ยินเสียงพูดว่า "มึงมาทำงานแล้วเมาทุกครั้ง"
จากนั้นมีการโต้เถียงกันกับพระชลธาร โดยใช้คำว่า "มึงเป็นพระแล้วพาคนมาจับผึ้ง" โดยพระชลธาร ตอบไปว่าชาวบ้านมาขอตนเองอนุญาตและยังไม่อยู่ในเวลาเคอร์ฟิว เถียงกันนานราวๆ 2-3 ชั่วโมง โดยต้องการที่จะจับพระชลธาร ให้ได้แต่พระไม่ยอม จากนั้นตนเองก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด โดยนัดที่ 4 หันกระบอกปืนขึ้นไปยิงตนบนต้นไม้และเรียกให้ลงมาตนก็รีบลงมาแต่แอบอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่นานราว 4-5 ชั่วโมง จึงออกมาและทราบว่าพระชลธาร กับนายชูรัตน์ คงคล้าย ถูกยิงเสียชีวิต
ตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์เรื่องการจับผึ้งก่อนเคอร์ฟิว แต่ฝ่ายปกครองพยายามถ่วงเวลา เพื่อต้องการที่จะเอาผิดกับพระชลธาร เพราะเคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อนระหว่างพระกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่ดิน แต่พระชลธาร ได้รณรงค์ให้ปลูกต้นไม้กันพื้นที่ไว้อนุรักษ์ และมีแนวร่วมซึ่งเป็นชาวบ้านจำนวนมาก ยกเว้นพรรคพวกของผู้ใหญ่บ้านในละแวกใกล้เคียงกับสำนักสงฆ์
สำหรับตนเองได้มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุทุกคำพูดที่บอกกล่าวตรงกับคำให้การต่อพนักงานสอบสวน นอกจากนั้นขณะที่ตนเดินทางมาที่โรงพักยังพบตัวผู้ใหญ่บ้านยังเดินเล่นอยู่แถวหน้าโรงพักอีกด้วย จึงทำให้ตนหวาดกลัวความไม่ปลอดภัย