ชุมพร - แจ้ง 3 ข้อหาหนักบุกรุก กรรโชกทรัพย์ ซ่องโจรแก๊งตำรวจท่องเที่ยว นักข่าว และไฟแนนซ์ยกพวกบุกรีดเงิน 8 หมื่น เจ้าของรับซื้อของเก่าผู้เสียหาย และพยานผวาถูกตามข่มขู่คุกคาม

จากกรณี นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าชื่อ “ฉอ ค้าของเก่า” เลขที่ 109/1 หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังมีกลุ่มบุคคลบุกเข้าไปตรวจค้นซากอะไหล่รถยนต์ กล่าวหาว่ารับซื้อของโจรในช่วงเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้นและความผิดใดๆ แล้วข่มขู่กรรโชกเรียกเงิน 150,000 บาท แต่ต่อรองจนเหลือ 8 หมื่นบาท
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (3 เม.ย.) นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี นางดวงฤทัย คลี่บำรุง อายุ 43 ปี 2 สามีภรรยาเจ้าของร้าน “ฉอ ค้าของเก่า” ผู้เสียหายได้เดินทางมาพบ ร.ต.อ.หญิงนันทิยา รักดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ และยืนยันชี้ตัวบุคคลตามภาพคลิปวิดีโอตามที่ปรากฏในหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดี โดยทั้ง 2 สามีภรรยายังคงยืนยันตัวตนและชื่อกลุ่มบุคคลทั้ง 5 ราย เหมือนเดิม คือ “ผู้กองตุ้ม” เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย ที่มาแสดงตัวและรับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ นักข่าว 3 คน และพนักงานไฟแนนซ์ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 5 คน อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำเพิ่มเติมนานร่วม 3 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร อยู่ระหว่างดำเนินการทำเรื่องขอตรวจเก็บภาพกล้องวงจรปิดจากทางเจ้าของปั๊มน้ำมันและหน้าตู้เอทีเอ็มภายในปั๊มดังกล่าวที่ตั้งอยู่บริเวณริมถนนชุมพร-ปากน้ำชุมพร ตำบลปากหมากห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ จำนวนหลายตัว เพื่อขอดูภาพที่เพื่อนของเจ้าของร้านค้าของเก่าผู้เสียหายได้มากดเงินจากตู้เอทีเอ็มจ่ายให้แก่แก๊งตำรวจและนักข่าวที่เข้าไปรับในบริเวณดังกล่าว จำนวน 8 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีดังกล่าวด้วย
นายสุรินทร์ กาลสังข์ นางดวงฤทัย คลี่บำรุง 2 สามีภรรยากล่าวว่า วันนี้นอกจากจะมาให้ปากคำและชี้ยืนยันตัวบุคคลตามภาพวงจรปิดต่อพักงานสอบสวนแล้ว ตนได้มาให้ปากคำเพิ่มเนื่องจากได้มีนักข่าวคนหนึ่งตามที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดกับพวกบุกไปหาญาติตนที่เขารู้จักไปพูดจาข่มขู่ ฝากมาถึงตนว่าหากไม่หยุดเรื่องคดีความเขาจะพาตำรวจอีกชุดหนึ่งเข้าไปตรวจค้นจับกุมร้านขายของเก่าแห่งนี้ให้ได้ และจะขุดคุ้ยประวัติการกระทำความผิดต่างๆ ว่าทำอะไรบ้างเพื่อจะได้จับกุมดำเนินคดี
การกระทำดังกล่าวทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวจึงได้มาให้ปากคำและแจ้งต่อทางตำรวจไว้ แต่ถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรมการข่มขู่คุกคามตนก็จะแจ้งความในข้อหาข่มขู่ต่อไป นอกจากนี้ หลังเป็นข่าวได้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทำอาชีพเดียวกันได้โทรศัพท์มาสอบถามและบอกว่าเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้มาเหมือนกัน
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งกำชับให้เร่งรัดควบคุมการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีตำรวจท่องเที่ยวเข้าไปร่วมทีมด้วยทำให้เกิดความเสียหายแก่วงการตำรวจอย่างมาก ซึ่งเบื้องต้นทราบจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนว่าได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเบื้องต้นมี 5 คน เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย นักข่าว 3 คน พนักงานไฟแนนซ์ 1 คน ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และซ่องโจร ส่วนทีที่เหลืออีก 4 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ ซึ่งทราบว่า 1 ในนั้นมีอดีตทหาร 1 คน ขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาแสดงตัวรับทราบข้อกล่าหาแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือจะได้พิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากกรณี นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าชื่อ “ฉอ ค้าของเก่า” เลขที่ 109/1 หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังมีกลุ่มบุคคลบุกเข้าไปตรวจค้นซากอะไหล่รถยนต์ กล่าวหาว่ารับซื้อของโจรในช่วงเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้นและความผิดใดๆ แล้วข่มขู่กรรโชกเรียกเงิน 150,000 บาท แต่ต่อรองจนเหลือ 8 หมื่นบาท
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (3 เม.ย.) นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี นางดวงฤทัย คลี่บำรุง อายุ 43 ปี 2 สามีภรรยาเจ้าของร้าน “ฉอ ค้าของเก่า” ผู้เสียหายได้เดินทางมาพบ ร.ต.อ.หญิงนันทิยา รักดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ และยืนยันชี้ตัวบุคคลตามภาพคลิปวิดีโอตามที่ปรากฏในหลักฐานการแจ้งความดำเนินคดี โดยทั้ง 2 สามีภรรยายังคงยืนยันตัวตนและชื่อกลุ่มบุคคลทั้ง 5 ราย เหมือนเดิม คือ “ผู้กองตุ้ม” เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย ที่มาแสดงตัวและรับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ นักข่าว 3 คน และพนักงานไฟแนนซ์ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 5 คน อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำเพิ่มเติมนานร่วม 3 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร อยู่ระหว่างดำเนินการทำเรื่องขอตรวจเก็บภาพกล้องวงจรปิดจากทางเจ้าของปั๊มน้ำมันและหน้าตู้เอทีเอ็มภายในปั๊มดังกล่าวที่ตั้งอยู่บริเวณริมถนนชุมพร-ปากน้ำชุมพร ตำบลปากหมากห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ จำนวนหลายตัว เพื่อขอดูภาพที่เพื่อนของเจ้าของร้านค้าของเก่าผู้เสียหายได้มากดเงินจากตู้เอทีเอ็มจ่ายให้แก่แก๊งตำรวจและนักข่าวที่เข้าไปรับในบริเวณดังกล่าว จำนวน 8 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีดังกล่าวด้วย
นายสุรินทร์ กาลสังข์ นางดวงฤทัย คลี่บำรุง 2 สามีภรรยากล่าวว่า วันนี้นอกจากจะมาให้ปากคำและชี้ยืนยันตัวบุคคลตามภาพวงจรปิดต่อพักงานสอบสวนแล้ว ตนได้มาให้ปากคำเพิ่มเนื่องจากได้มีนักข่าวคนหนึ่งตามที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดกับพวกบุกไปหาญาติตนที่เขารู้จักไปพูดจาข่มขู่ ฝากมาถึงตนว่าหากไม่หยุดเรื่องคดีความเขาจะพาตำรวจอีกชุดหนึ่งเข้าไปตรวจค้นจับกุมร้านขายของเก่าแห่งนี้ให้ได้ และจะขุดคุ้ยประวัติการกระทำความผิดต่างๆ ว่าทำอะไรบ้างเพื่อจะได้จับกุมดำเนินคดี
การกระทำดังกล่าวทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวจึงได้มาให้ปากคำและแจ้งต่อทางตำรวจไว้ แต่ถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรมการข่มขู่คุกคามตนก็จะแจ้งความในข้อหาข่มขู่ต่อไป นอกจากนี้ หลังเป็นข่าวได้มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ทำอาชีพเดียวกันได้โทรศัพท์มาสอบถามและบอกว่าเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งนี้มาเหมือนกัน
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งกำชับให้เร่งรัดควบคุมการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีตำรวจท่องเที่ยวเข้าไปร่วมทีมด้วยทำให้เกิดความเสียหายแก่วงการตำรวจอย่างมาก ซึ่งเบื้องต้นทราบจากหัวหน้าพนักงานสอบสวนว่าได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเบื้องต้นมี 5 คน เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย นักข่าว 3 คน พนักงานไฟแนนซ์ 1 คน ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และซ่องโจร ส่วนทีที่เหลืออีก 4 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ ซึ่งทราบว่า 1 ในนั้นมีอดีตทหาร 1 คน ขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาแสดงตัวรับทราบข้อกล่าหาแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจท่องเที่ยว ส่วนที่เหลือจะได้พิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป