ชุมพร - “ผู้กองตุ้ม” ตร.ท่องเที่ยวโร่มอบตัว หลังเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าแจ้งความ ยกกำลังนอกเครื่องแบบพร้อมนักข่าว ไฟแนนซ์ รวม 9 คน บุกตรวจค้นรีดเงิน 8 หมื่น อ้างเข้าไปตรวจสอบจริงแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงิน

ความคืบหน้ากรณี นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าชื่อ “ฉอ ค่าของเก่า” เลขที่ 109/1 หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังมีกลุ่มบุคคลทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวนอกเครื่องแบบ อ้างชื่อ “ผู้กองตุ้ม” พร้อมเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ และนักข่าวรวม 9 คน บุกเข้าไปตรวจค้นซากอะไหล่รถยนต์ กล่าวหาว่ารับซื้อของโจร ในช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมาโดยไม่มีหมายค้น แล้วข่มขู่กรรโชกเรียกเงิน 150,000 บาท แต่เจ้าของอู่และภรรยาต่อรองจนเหลือ 8 หมื่นบาท
คามคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (2 เม.ย.) ร.ต.อ.หญิงนันทิยา รักดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ร้านรับซื้อของเก่าเพื่อเก็บภาพตามจุดต่างๆ ที่กลุ่มบุคคลทั้ง 9 คน ได้บุกรุกเข้าไปตรวจซากอะไหล่รถยนต์ในช่วงกลางคืน และจุดที่ยืนเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการข่มขู่เรียกรับเงิน และจุดที่กลุ่มคนดังกล่าวถอดเมมโมรีจากตัวกล้องวงจรปิดที่ร้านไป 1 ตัว และที่ยังเหลือติดตั้งซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ อีก 3 ตัว ที่กลุ่มดังกล่าวมองไม่เห็น และทางเจ้าของร้านได้มอบหลักฐานบันทึกการจับกุมที่กลุ่มคนอ้างเป็นตำรวจทำบันทึกไว้ให้ผู้เสียหายเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งผู้เสียหายได้แอบใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายไว้ระหว่างการเจรจา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในรูปคดีเนื่องจากมีการพิมพ์รายชื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไว้ด้วย
จากนั้น นายสุรินทร์ ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับพยานคนที่ไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่ปั๊มน้ำมันมอบเงินสด จำนวน 8 หมื่นบาทให้แก่คนร้าย โดยในเบื้องต้นทั้งผู้เสียหายและพยานได้ชี้รูปภาพยืนยันชื่อและนามสกุลจริงของตัวบุคคลได้ชัดเจนซึ่งเป็นนายตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยวชุมพร 1 นาย และนักข่าวคนที่ไปรับเงินภายในปั๊มน้ำมัน 1 คน
ด้าน พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ผู้เสียหายและพยานได้ชี้ภาพตัวยืนยันบุคคลจากกล้องวงจรปิดชัดเจนแล้ว 2 ราย และขณะนี้ได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบปากคำ คือ ร.ต.อ.ธณ เนตร บุญใจบุญ รอง สว.ส.ทท.2 กก.2 บก. หรือ “ผู้กองตุ้ม” โดยเบื้องต้นให้การยอมรับว่าบุคคลในภาพคลิปวิดีโอเป็นตนเองจริงได้เข้าไปในสถานที่ดังกล่าวแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินแต่อย่างใด ส่วนเหตุผลอื่นๆ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกและร่วมกันกรรโชกทรัพย์
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา รวบรวมพยานหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มและจ่ายเงินกันภายในปั๊มน้ำมันซึ่งตำรวจชั่วเราไม่เอาไว้ และให้สืบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้องตามที่ปรากกฏในภาพทั้งหมด
เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้มามอบตัวแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจท่องเที่ยวประจำอยู่ จ.ชุมพร สายงานขึ้นกับส่วนกลาง มีสำนักงานอยู่ จ.ระนอง มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ จ.ชุมพรด้วย เรื่องทั้งหมดได้สั่งการให้รายงานพฤติกรรมไปถึงผู้บังคับบัญชาที่ตนสังกัดแล้ว และให้ตรวจสอบด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ หากมีก็จะมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย
ความคืบหน้ากรณี นายสุรินทร์ กาลสังข์ อายุ 39 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าชื่อ “ฉอ ค่าของเก่า” เลขที่ 109/1 หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร นำคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังมีกลุ่มบุคคลทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวนอกเครื่องแบบ อ้างชื่อ “ผู้กองตุ้ม” พร้อมเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ และนักข่าวรวม 9 คน บุกเข้าไปตรวจค้นซากอะไหล่รถยนต์ กล่าวหาว่ารับซื้อของโจร ในช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมาโดยไม่มีหมายค้น แล้วข่มขู่กรรโชกเรียกเงิน 150,000 บาท แต่เจ้าของอู่และภรรยาต่อรองจนเหลือ 8 หมื่นบาท
คามคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (2 เม.ย.) ร.ต.อ.หญิงนันทิยา รักดี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้เดินทางมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ร้านรับซื้อของเก่าเพื่อเก็บภาพตามจุดต่างๆ ที่กลุ่มบุคคลทั้ง 9 คน ได้บุกรุกเข้าไปตรวจซากอะไหล่รถยนต์ในช่วงกลางคืน และจุดที่ยืนเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการข่มขู่เรียกรับเงิน และจุดที่กลุ่มคนดังกล่าวถอดเมมโมรีจากตัวกล้องวงจรปิดที่ร้านไป 1 ตัว และที่ยังเหลือติดตั้งซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ อีก 3 ตัว ที่กลุ่มดังกล่าวมองไม่เห็น และทางเจ้าของร้านได้มอบหลักฐานบันทึกการจับกุมที่กลุ่มคนอ้างเป็นตำรวจทำบันทึกไว้ให้ผู้เสียหายเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งผู้เสียหายได้แอบใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายไว้ระหว่างการเจรจา เพื่อใช้เป็นหลักฐานในรูปคดีเนื่องจากมีการพิมพ์รายชื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไว้ด้วย
จากนั้น นายสุรินทร์ ผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับพยานคนที่ไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มที่ปั๊มน้ำมันมอบเงินสด จำนวน 8 หมื่นบาทให้แก่คนร้าย โดยในเบื้องต้นทั้งผู้เสียหายและพยานได้ชี้รูปภาพยืนยันชื่อและนามสกุลจริงของตัวบุคคลได้ชัดเจนซึ่งเป็นนายตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยวชุมพร 1 นาย และนักข่าวคนที่ไปรับเงินภายในปั๊มน้ำมัน 1 คน
ด้าน พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.เมืองชุมพร กล่าวว่า ผู้เสียหายและพยานได้ชี้ภาพตัวยืนยันบุคคลจากกล้องวงจรปิดชัดเจนแล้ว 2 ราย และขณะนี้ได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบปากคำ คือ ร.ต.อ.ธณ เนตร บุญใจบุญ รอง สว.ส.ทท.2 กก.2 บก. หรือ “ผู้กองตุ้ม” โดยเบื้องต้นให้การยอมรับว่าบุคคลในภาพคลิปวิดีโอเป็นตนเองจริงได้เข้าไปในสถานที่ดังกล่าวแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินแต่อย่างใด ส่วนเหตุผลอื่นๆ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกและร่วมกันกรรโชกทรัพย์
ด้าน พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้เร่งรัดดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา รวบรวมพยานหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มและจ่ายเงินกันภายในปั๊มน้ำมันซึ่งตำรวจชั่วเราไม่เอาไว้ และให้สืบสวนทุกคนที่เกี่ยวข้องตามที่ปรากกฏในภาพทั้งหมด
เบื้องต้น ผู้ต้องหาได้มามอบตัวแล้ว 1 ราย เป็นตำรวจท่องเที่ยวประจำอยู่ จ.ชุมพร สายงานขึ้นกับส่วนกลาง มีสำนักงานอยู่ จ.ระนอง มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ จ.ชุมพรด้วย เรื่องทั้งหมดได้สั่งการให้รายงานพฤติกรรมไปถึงผู้บังคับบัญชาที่ตนสังกัดแล้ว และให้ตรวจสอบด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ หากมีก็จะมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย