สุราษฎร์ธานี - คนสมุยลงมติยังไม่ปิดเกาะ สถานการณ์ผู้ป่วยมีเพียง 2 ราย เป็นชาวต่างชาติ ยังไม่พบมีคนไทยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือว่าเกาะสมุยยังไม่วิกฤต ด้านเอกชนฝากรัฐเยียวยาให้ชัดเจน หลังนักท่องเที่ยวเหลือแค่ 1
%
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่ลานอเนกประสงค์ วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวเกาะสมุย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย ได้เชิญ นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย นายเรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก นายวิทยา หวังพัฒนธน ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเกาะสมุย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุย กลุ่มภาคีเครือข่ายพลเมืองเกาะสมุย ร่วมประชุม และแสดงความคิดเห็นในเรื่องทิศทางการท่องเที่ยวเกาะสมุย ว่าจะไปในทิศทางไหน ภายหลังจากเกิดสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก ซึ่งการประชุม ได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า “จะปิดหรือไม่ปิดเกาะสมุย”
โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง เช่น กรณีปิดเกาะ สมุย หน่วยงานทางภาครัฐและภาคเอกชนมีความพร้อมแล้วหรือยังที่จะปิดเกาะ มีสถานที่รองรับผู้ป่วยที่ไหน เพียงพอหรือไม่ บุคลากรมีจำนวนแค่ไหน และอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมาคิดกัน แต่เนื่องจากในปัจจุบัน ระบบการคัดกรอง ซึ่งการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุย เดินทางเข้ามาได้เเค่ 2 ทาง คือ ทางอากาศ และทางน้ำ ซึ่งระบบการคัดกรองมีมาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้น
และจากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พบในอำเภอเกาะสมุย มีเพียง 2 รายเท่านั้น และเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยังไม่มีคนไทยติดเชื้อแต่อย่างใด ซึ่งจากการแสดงความคิดเห็นกันในที่ประชุม “มีมติเห็นชอบว่า ยังไม่ถึงกับต้องปิดเกาะสมุย” เนื่องจากสถานการณ์ยังสามารถป้องกันได้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์รุนแรงมียอดจำนวนผู้ป่วยพุ่งถึง 10 คน ก็จำเป็นต้องปิดเกาะ แต่ในเมื่อมีผู้ป่วยเพียง 2 คน และไม่มีผู้ป่วยคนไทย จึงยังไม่ต้องปิดเกาะเเต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนอย่าได้หวั่นวิตกของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเกาะสมุย และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐโดยเคร่งครัด ด้วยการป้องกันตัวเอง ไม่จำเป็นให้อยู่ที่บ้าน ซึ่งก็จะทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่แพร่กระจาย และขณะเดียวกัน ณ ปัจจุบันนี้เกาะสมุยก็เหมือนกับปิดเกาะอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว สถานบริการต่างๆ ก็ปิดตัวหมด
ด้าน นายวิทยา หวังพัฒนธน ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายหลังจากเสร็จสิ้นประชุมได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในปัจจุบัน ในอำเภอเกาะสมุย ผู้ประกอบการโรงแรมเดือดร้อนหนัก เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ซึ่งอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเกาะสมุย แทบจะไม่มีเลย คงเหลือแต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนหน้าเพื่อรอบินกลับเท่านั้น ขณะที่จากการประกาศของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ประกาศหยุดเที่ยวบินในประเทศ วันที่ 7 เมษายน 2563 นี้ เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-สมุย และเส้นทางจากที่อื่นเข้าสมุย ก็ยิ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่บนเกาะสมุย ก็จะเร่งเดินทางกลับออกจากเกาะสมุยก่อนวันที่ 7 เมษายน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวหายไปทั้งหมด แต่อาจจะยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่หลงเหลืออาจจะไม่อยากจะไปอยู่ที่อื่น
ขณะที่อัตราการเข้าพักบนเกาะสมุย แทบจะไม่เหลือแล้ว และหลายโรงแรมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ บนเกาะสมุยได้ปิดลง จึงทำให้พนักงานลากลับหมดแล้ว ซึ่งตนอยากฝากถึงรัฐบาล ประกาศนโยบายการสั่งปิดโรงแรมให้ชัดเจน เนื่องจากยังมีนักท่องเที่ยวที่หลงเหลืออยู่ไม่ถึง 1% ที่ยังพักที่เกาะสมุย ที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้ จึงอยากอยู่บนเกาะสมุย แต่หากรัฐบาลสั่งปิดโรงแรม และหากโรงแรมยังเปิดอยู่ และให้ที่พักแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ จึงอยากวิงวอนทางภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการสั่งปิดโรงแรม
และขณะเดียวกัน หากรัฐบาลจะทำการปิดจริง ก็ขอให้ปิดเป็นระยะเวลา แต่ไม่ใช่ปิดแค่ 14 วัน ซึ่งมันจะไม่มีผลต่อการเยียวยาของพนักงาน ซึ่งในปัจจุบันโรงแรมบนเกาะสมุยมีประมาณ 30,000 กว่าห้อง พนักงานทั้งหมดบนเกาะสมุย ประมาณ 60,000-70,000 คน ที่ทำงานอยู่กับการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ทำให้ตอนนี้พนักงานตกอยู่ในสภาพที่ลำบาก หลายโรงแรมก็ไม่มีเงินหมุนเวียน ซึ่งทางโรงแรมอาจจะช่วยในเรื่องของที่พักและอาหารได้เท่านั้น ซึ่งทางโรงแรมเองก็ต้องแบกภาระ เนื่องจากการประกาศของรัฐยังไม่ชัดเจนในเรื่องของการเยียวยาที่ชัดเจน
%
วันนี้ (1 เม.ย.) ที่ลานอเนกประสงค์ วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวเกาะสมุย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย ได้เชิญ นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย นายเรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก นายวิทยา หวังพัฒนธน ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานเกาะสมุย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะสมุย กลุ่มภาคีเครือข่ายพลเมืองเกาะสมุย ร่วมประชุม และแสดงความคิดเห็นในเรื่องทิศทางการท่องเที่ยวเกาะสมุย ว่าจะไปในทิศทางไหน ภายหลังจากเกิดสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก ซึ่งการประชุม ได้มีการแสดงความคิดเห็นว่า “จะปิดหรือไม่ปิดเกาะสมุย”
โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง เช่น กรณีปิดเกาะ สมุย หน่วยงานทางภาครัฐและภาคเอกชนมีความพร้อมแล้วหรือยังที่จะปิดเกาะ มีสถานที่รองรับผู้ป่วยที่ไหน เพียงพอหรือไม่ บุคลากรมีจำนวนแค่ไหน และอีกหลายปัจจัยที่ต้องนำมาคิดกัน แต่เนื่องจากในปัจจุบัน ระบบการคัดกรอง ซึ่งการเดินทางเข้ามายังเกาะสมุย เดินทางเข้ามาได้เเค่ 2 ทาง คือ ทางอากาศ และทางน้ำ ซึ่งระบบการคัดกรองมีมาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้น
และจากสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พบในอำเภอเกาะสมุย มีเพียง 2 รายเท่านั้น และเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยังไม่มีคนไทยติดเชื้อแต่อย่างใด ซึ่งจากการแสดงความคิดเห็นกันในที่ประชุม “มีมติเห็นชอบว่า ยังไม่ถึงกับต้องปิดเกาะสมุย” เนื่องจากสถานการณ์ยังสามารถป้องกันได้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์รุนแรงมียอดจำนวนผู้ป่วยพุ่งถึง 10 คน ก็จำเป็นต้องปิดเกาะ แต่ในเมื่อมีผู้ป่วยเพียง 2 คน และไม่มีผู้ป่วยคนไทย จึงยังไม่ต้องปิดเกาะเเต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนอย่าได้หวั่นวิตกของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเกาะสมุย และขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐโดยเคร่งครัด ด้วยการป้องกันตัวเอง ไม่จำเป็นให้อยู่ที่บ้าน ซึ่งก็จะทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่แพร่กระจาย และขณะเดียวกัน ณ ปัจจุบันนี้เกาะสมุยก็เหมือนกับปิดเกาะอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยว สถานบริการต่างๆ ก็ปิดตัวหมด
ด้าน นายวิทยา หวังพัฒนธน ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายหลังจากเสร็จสิ้นประชุมได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในปัจจุบัน ในอำเภอเกาะสมุย ผู้ประกอบการโรงแรมเดือดร้อนหนัก เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ซึ่งอัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเกาะสมุย แทบจะไม่มีเลย คงเหลือแต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนหน้าเพื่อรอบินกลับเท่านั้น ขณะที่จากการประกาศของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่ประกาศหยุดเที่ยวบินในประเทศ วันที่ 7 เมษายน 2563 นี้ เส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-สมุย และเส้นทางจากที่อื่นเข้าสมุย ก็ยิ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่บนเกาะสมุย ก็จะเร่งเดินทางกลับออกจากเกาะสมุยก่อนวันที่ 7 เมษายน ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวหายไปทั้งหมด แต่อาจจะยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่หลงเหลืออาจจะไม่อยากจะไปอยู่ที่อื่น
ขณะที่อัตราการเข้าพักบนเกาะสมุย แทบจะไม่เหลือแล้ว และหลายโรงแรมกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ บนเกาะสมุยได้ปิดลง จึงทำให้พนักงานลากลับหมดแล้ว ซึ่งตนอยากฝากถึงรัฐบาล ประกาศนโยบายการสั่งปิดโรงแรมให้ชัดเจน เนื่องจากยังมีนักท่องเที่ยวที่หลงเหลืออยู่ไม่ถึง 1% ที่ยังพักที่เกาะสมุย ที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้ จึงอยากอยู่บนเกาะสมุย แต่หากรัฐบาลสั่งปิดโรงแรม และหากโรงแรมยังเปิดอยู่ และให้ที่พักแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ จึงอยากวิงวอนทางภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการสั่งปิดโรงแรม
และขณะเดียวกัน หากรัฐบาลจะทำการปิดจริง ก็ขอให้ปิดเป็นระยะเวลา แต่ไม่ใช่ปิดแค่ 14 วัน ซึ่งมันจะไม่มีผลต่อการเยียวยาของพนักงาน ซึ่งในปัจจุบันโรงแรมบนเกาะสมุยมีประมาณ 30,000 กว่าห้อง พนักงานทั้งหมดบนเกาะสมุย ประมาณ 60,000-70,000 คน ที่ทำงานอยู่กับการท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ทำให้ตอนนี้พนักงานตกอยู่ในสภาพที่ลำบาก หลายโรงแรมก็ไม่มีเงินหมุนเวียน ซึ่งทางโรงแรมอาจจะช่วยในเรื่องของที่พักและอาหารได้เท่านั้น ซึ่งทางโรงแรมเองก็ต้องแบกภาระ เนื่องจากการประกาศของรัฐยังไม่ชัดเจนในเรื่องของการเยียวยาที่ชัดเจน
