กระบี่ - กระบี่มีผู้ติดเชื้อสะสม 10 ราย ผวจ.กระบี่ ขอรับบริจาคเวลา 14 วัน ร่วมใจอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อกระบี่ เพื่อป้องกันคนกระบี่นำเชื้อมาติดคนกระบี่ด้วยกัน ยันการปิดเมืองไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ขณะประชาชนในพื้นที่เสียงแตก
วันนี้ (1 เม.ย.) พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ กล่าวในระหว่างการเป็นประธานการประชุม ติดตามและวางแผนการปฏิบัติงานควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านระบบ Zoom. โดยมี นายสมควร ขันเงิน นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ปลัดจังหวัด และประชาสัมพันธ์จังหวัด เข้าร่วมประชุม
โดยสถานการณ์ของจังหวัดกระบี่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 10 ราย ทีมสอบสวนโรคได้เร่งลงพื้นที่ติดตามผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยง เพื่อนำสู่กระบวนการคัดกรองเฝ้าระวังต่อไป โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดเป็นชาวต่างประเทศ และสัมผัสกับชาวต่างประเทศ ยังไม่เป็นการติดต่อระหว่างคนไทยกับคนไทยที่เรียกว่าเฟส 3 หรือซูเปอร์สเปรดเดอร์ ที่คนไทยเป็นพาหะ ต้องรอตรวจสอบสถานการณ์ในระยะ 2-3 วันนี้ แต่หากทุกคนให้ความร่วมมือในการหมั่นล้างมือ กำหนดระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เมื่อจำเป็น
ผวจ.กระบี่ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญอยากให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อกระบี่ ถ้าได้รับความร่วมมือและทุกคนปฏิบัติเข้มข้นในระหว่างวันที่ 1-15 เมษายนนี้ คาดจะทำให้กระบี่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และที่ประชุมได้หารือร่วมกันในเรื่องการเฝ้าระวังของจุดตรวจต่างๆ เน้นการตรวจเข้ม บัตรประจำตัวประชาชน หากไม่มีให้กลับไปนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่จึงจะอนุญาตให้ผ่าน ตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากากอนามัย เลขทะเบียนรถ จำนวนผู้โดยสาร และหากมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุเกิน 70 ปี แนะนำไม่ควรเดินทางออกจากบ้าน
ควบคู่กับมาตรการด้านการจราจร ตรวจยาเสพติด และความผิดอื่นๆ ด่านตรวจทางเรือทั้ง 3 ด่านคือ ท่าเรือคลองจิหลาด ท่าเรือเจ้าฟ้า และท่าเรือเกาะลันตา ให้นำแนวทางดังกล่าวมาปรับใช้ และยืนยันว่าจะยังไม่มีการปิดเมืองอย่างแน่นอน ในช่วงนี้ เพราะการปิดเมืองไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หากว่าประชาชนชาวกระบี่ ยังไปมาหาสู่กันการปิดเมืองก็คงจะไม่เกิดผล ทางที่ดีที่สุดก็คือการหยุดอยู่บ้านไม่เดินทางไปไหน 14 วัน เชื่อว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็จะหมดไปด้วย และในระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.ตนขอรับบริจาคเวลาจากชาวกระบี่ เป็นเวลา 14 วัน หวังว่าทุกคนคงจะร่วมกันบริจาคให้
นอกจากนั้น ในส่วนของการสกัดกั้นการเดินทางของประชาชน ให้เน้นเส้นทางขาออก จึงเตรียมพิจารณาในประเด็นของการหยุดให้บริการของสถานีขนส่งจังหวัด เพื่อลดจำนวนผู้เดินทางระหว่างจังหวัด การปิดการเข้าออกเกาะพีพี เกาะลันตา ซึ่งต้องรอผลการพิจารณาของที่ประชุม คกก.โรคติดต่อทั้งหมดร่วมกันอีกครั้ง และผลเป็นอย่างไรก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า รวมทั้งการดูแลในส่วนของผลกระทบต่อผู้ทำงานโรงแรมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามความคิดเห็นของคนกระบี่ ถึงแนวดังกล่าว โดยนายกิตติ พรหมภัทร ชาวบ้าน ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ ถึงกรณีที่ทาง ผวจ.กระบี่ ให้ทุกคนอยู่กับบ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายของ ผวจ.กระบี่ เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา
หากว่าทุกคนทำได้จริง ก็จะสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสดังกล่าวได้อย่างแน่นอน แต่อยู่ที่ว่าทุกคนจะช่วยกันทำอย่างจริงจังหรือไม่เท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตอนนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้านอยู่แล้ว หรือออกไปก็ทำภารกิจที่จำเป็นเสร็จก็กลับบ้าน
ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเร่ตามหมู่บ้าน ก็มีความเห็นต่าง โดยระบุว่า หากว่าจะให้พวกตนอยู่กับบ้านตลอด 14 วัน ก็คงจะไม่ได้ เพราะพวกตนต้องทำมาหากิน ถามว่าอยากให้เชื้อไวรัสโควิด-19 หยุดระบาดโดยเร็วหรือไม่ ก็อยากจะให้หยุด แต่ก็ต้องทำมาหากินด้วยเพราะพวกตนไม่มีเงินเก็บ ทำพอได้เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ
แต่พวกตนก็ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือป้องกันเชื้อโรค เพื่อไม่ให้มีคนติดเชื้อเพิ่ม และที่สำคัญพวกตนไม่เข้าข่ายที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 ต่อเดือนจากรัฐบาลด้วย ทั้งที่พกตนก็มีผลกระทบเช่นเดียวกัน
วันนี้ (1 เม.ย.) พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ กล่าวในระหว่างการเป็นประธานการประชุม ติดตามและวางแผนการปฏิบัติงานควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านระบบ Zoom. โดยมี นายสมควร ขันเงิน นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ปลัดจังหวัด และประชาสัมพันธ์จังหวัด เข้าร่วมประชุม
โดยสถานการณ์ของจังหวัดกระบี่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 10 ราย ทีมสอบสวนโรคได้เร่งลงพื้นที่ติดตามผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยง เพื่อนำสู่กระบวนการคัดกรองเฝ้าระวังต่อไป โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดเป็นชาวต่างประเทศ และสัมผัสกับชาวต่างประเทศ ยังไม่เป็นการติดต่อระหว่างคนไทยกับคนไทยที่เรียกว่าเฟส 3 หรือซูเปอร์สเปรดเดอร์ ที่คนไทยเป็นพาหะ ต้องรอตรวจสอบสถานการณ์ในระยะ 2-3 วันนี้ แต่หากทุกคนให้ความร่วมมือในการหมั่นล้างมือ กำหนดระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เมื่อจำเป็น
ผวจ.กระบี่ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญอยากให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อกระบี่ ถ้าได้รับความร่วมมือและทุกคนปฏิบัติเข้มข้นในระหว่างวันที่ 1-15 เมษายนนี้ คาดจะทำให้กระบี่ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และที่ประชุมได้หารือร่วมกันในเรื่องการเฝ้าระวังของจุดตรวจต่างๆ เน้นการตรวจเข้ม บัตรประจำตัวประชาชน หากไม่มีให้กลับไปนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่จึงจะอนุญาตให้ผ่าน ตรวจวัดอุณหภูมิ การสวมหน้ากากอนามัย เลขทะเบียนรถ จำนวนผู้โดยสาร และหากมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุเกิน 70 ปี แนะนำไม่ควรเดินทางออกจากบ้าน
ควบคู่กับมาตรการด้านการจราจร ตรวจยาเสพติด และความผิดอื่นๆ ด่านตรวจทางเรือทั้ง 3 ด่านคือ ท่าเรือคลองจิหลาด ท่าเรือเจ้าฟ้า และท่าเรือเกาะลันตา ให้นำแนวทางดังกล่าวมาปรับใช้ และยืนยันว่าจะยังไม่มีการปิดเมืองอย่างแน่นอน ในช่วงนี้ เพราะการปิดเมืองไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หากว่าประชาชนชาวกระบี่ ยังไปมาหาสู่กันการปิดเมืองก็คงจะไม่เกิดผล ทางที่ดีที่สุดก็คือการหยุดอยู่บ้านไม่เดินทางไปไหน 14 วัน เชื่อว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็จะหมดไปด้วย และในระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.ตนขอรับบริจาคเวลาจากชาวกระบี่ เป็นเวลา 14 วัน หวังว่าทุกคนคงจะร่วมกันบริจาคให้
นอกจากนั้น ในส่วนของการสกัดกั้นการเดินทางของประชาชน ให้เน้นเส้นทางขาออก จึงเตรียมพิจารณาในประเด็นของการหยุดให้บริการของสถานีขนส่งจังหวัด เพื่อลดจำนวนผู้เดินทางระหว่างจังหวัด การปิดการเข้าออกเกาะพีพี เกาะลันตา ซึ่งต้องรอผลการพิจารณาของที่ประชุม คกก.โรคติดต่อทั้งหมดร่วมกันอีกครั้ง และผลเป็นอย่างไรก็จะแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า รวมทั้งการดูแลในส่วนของผลกระทบต่อผู้ทำงานโรงแรมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามความคิดเห็นของคนกระบี่ ถึงแนวดังกล่าว โดยนายกิตติ พรหมภัทร ชาวบ้าน ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ ถึงกรณีที่ทาง ผวจ.กระบี่ ให้ทุกคนอยู่กับบ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน ว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายของ ผวจ.กระบี่ เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา
หากว่าทุกคนทำได้จริง ก็จะสามารถเอาชนะเชื้อไวรัสดังกล่าวได้อย่างแน่นอน แต่อยู่ที่ว่าทุกคนจะช่วยกันทำอย่างจริงจังหรือไม่เท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตอนนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้านอยู่แล้ว หรือออกไปก็ทำภารกิจที่จำเป็นเสร็จก็กลับบ้าน
ขณะที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าเร่ตามหมู่บ้าน ก็มีความเห็นต่าง โดยระบุว่า หากว่าจะให้พวกตนอยู่กับบ้านตลอด 14 วัน ก็คงจะไม่ได้ เพราะพวกตนต้องทำมาหากิน ถามว่าอยากให้เชื้อไวรัสโควิด-19 หยุดระบาดโดยเร็วหรือไม่ ก็อยากจะให้หยุด แต่ก็ต้องทำมาหากินด้วยเพราะพวกตนไม่มีเงินเก็บ ทำพอได้เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ
แต่พวกตนก็ป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือป้องกันเชื้อโรค เพื่อไม่ให้มีคนติดเชื้อเพิ่ม และที่สำคัญพวกตนไม่เข้าข่ายที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 ต่อเดือนจากรัฐบาลด้วย ทั้งที่พกตนก็มีผลกระทบเช่นเดียวกัน
