xs
xsm
sm
md
lg

“ส.โรงแรมหาดใหญ่-สงขลา” กลืนเลือด! หลังโควิด-19 ทำท่องเที่ยวดิ่งเหวกว่า 90%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ธุรกิจท่องเที่ยว “หาดใหญ่” ดิ่งเหวแล้วกว่า 90% ทั้งเมืองแทบร้างนักเที่ยวทั้งมาเลย์-สิงคโปร์-อินโดฯ-บรูไน “นายก ส.โรงแรมหาดใหญ่-สงขลา” ยอมกลืนเลือดบอกหากไม่จำเป็นอย่าเข้าพักหรือใช้บริการ จับมือ “ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา” งัดมาตรการ 5ค. รับมือโควิด-19
 

หลายโรงแรมกลางเมืองหาดใหญ่จำต้องปิดตัวชั่วคราว
 
ศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยวภาคใต้ตอนล่าง แถมยังเป็นพี่ใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง “จ.สงขลา” ในวันนี้ก็สาหัสสากรรจ์ไม่แพ้หัวเมืองสำคัญอื่นๆ หรืออีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ อันเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปทั่วโลก แถมชาติมหาอำนาจยังเปิดศึกสงครามการค้า แต่ที่ถือเป็นมหันตภัยใหญ่กระหนำซ้ำเติมหนักหน่วงคือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะที่เวลานี้ก็ยังกระจายเป็นวงกว้าง
 
ไม่เพียงเท่านั้น ณ เวลานี้ จ.สงขลา ก็คือหนึ่งใน “พื้นที่เสี่ยง” ต่อการแพร่ระบาดที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องเพราะมีพรมแดนติดกับมาเลเซีย ประเทศที่เพิ่งมีการจัดกิจกรรมแสวงบุญใหญ่ของพี่น้องมุสลิมจากนานาชาติ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และเหตุการณ์ครั้งนั้นได้กลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ (Super Spreader) หรือจุดระเบิดของการแพร่เชื้อโดวิด-19 ในระกับโลก ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนับหมื่นคน ในจำนวนนี้มีผู้นำศาสนาไทย 132 คน ซึ่งพันพัวสู่เครือข่ายต้มยำกุ้งที่มีคนไทยเป็นเจ้าของอีกกว่า 6 พันแห่ง รวมถึงคนไทยที่ส่วนใหญ่จากจังหวัดชายแดนใต้ไปค้าแรงงานที่นั่นอีกรวมแล้วกว่า 2 แสนคน
 
เวลานี้ จ.สงขลา จัดอยู่ในกลุ่มจังหวัด “เสี่ยงสูง” ที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และกำลังเป็นที่จับตามองกันว่าจะมีการออกประกาศมาตรการเข้มข้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อ “ล็อกดาวน์” หรือ “ปิดจังหวัด” ตามที่ จ.ยะลา จ.นราธิวาส และ จ.ภูเก็ต ได้ทำไปก่อนแล้วหรือไม่
 

หลายโรงแรมกลางเมืองหาดใหญ่จำต้องปิดตัวชั่วคราว
 
แน่นอนว่าสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ยังได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของทุกคน สำหรับผู้ที่ต้องทำมาหากินต่างกระทบกันไปถ้วนทั่วเป็นวงกว้าง และที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “ผู้ประกอบการธุรกิจ” ต่างๆ ใน จ.สงขลา ที่เวลานี้ต่างสาหัสสากรรจ์กันถ้วนหน้า ซึ่งมีหลากหลายเมืองที่เป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจ การค้าและการท่องเที่ยวตั้งอยู่ในพื้นที่ด้วย และ 1 ในเมืองที่ต้องจับตาอย่างเป็นพิเศษยิ่งคือ...
 .
“เมืองหาดใหญ่” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
 .
สำหรับเมืองหาดใหญ่แล้ว “การท่องเที่ยว” ได้สร้างรายได้หลักให้กับทั้งผู้ประกอบการและกระจายสู่ผู้คนในเมืองแทบจะทุกสาขาอาชีพ เฉพาะ “ธุรกิจโรงแรม” ก็มีหลายร้อยแห่งรวมห้องพักกว่า 2 หมื่นห้อง เวลานี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง นับตั้งแต่มาเลเซียประกาศปิดประเทศไปก่อนหน้านี้ แล้วยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วยไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ อินโดนีเซียและบรูไน เพราะนักท่องเที่ยวทั้ง 4 ชาติถือเป็นลูกค้าหลัก แถมยังกระจายไปทั่วภาคใต้ด้วย ส่งผลให้ห้องพักโรงแรมในหาดใหญ่ถูกยกเลิกทั้งหมด
 

บรรยากาศแหล่งท่องเที่ยวกลางเมืองหาดใหญ่เงียบเหงาสุดๆ
 
นอกจากนี้ความวิตกกังวลของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 ในไทยเองที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากผู้ที่เดินทางกลับจากจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนระมัดระวังตนเอง และหลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่ผู้คนพลุกพล่าน รวมทั้งตามโรงแรมที่พักต่างๆ ด้วย อีกทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ จีน มาเลเซียและสิงคโปร์ที่กำลังจะเดินทางมาท่องเที่ยวในภาคใต้ ต่างได้ยกเลิกการเดินทางแบบไม่มีกำหนด ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบเป็นอย่างหนัก
 
ดังนั้นเวลานี้จึงอย่าได้แปลใจที่ทั้งเจ้าของโรงแรมและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในเมืองหาดใหญ่ ต่างร่วมใจกันส่งเสียโหยหวนหาอดีตเมื่อครั้งที่การท่องเที่ยวยังบูมมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ กลุ่มธุรกิจโรงแรมที่พักและบริการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกันในพื้นที่เคยสามารถสร้างรายได้มากถึงราว 200 ล้านบาทต่อวันเลยทีเดียว 
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา เปิดเผยถึงผลกระทบและมาตรการป้องกันโควิด-19 ในโรงแรมว่า ทุกโรงแรมได้รับผลกระทบหนักมากจนไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้ บางโรงแรมต้องปิดบริการชั่วคราวเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย หากประเมินรายรับปัจจุบันทุกโรงแรมมีรายรับตกต่ำเหลือเพียง 3-5% เมื่อเทียบกับที่เคยได้รับในช่วงเหตุการณ์ปกติ
  

บรรยากาศในเมืองหาดใหญ่ก็เงียบเหงาเช่นกัน
 
“แม้ขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรมทั้งในเมืองหาดใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมทั่วจทั้ง จ.สงขลา จะเผชิญสภาวะขาดทุนก็ตาม แต่พวกเราก็ยังคงต้องขอความร่วมมือให้ทุกคนที่ไม่จำเป็นต้องเข้ามาพักโรงแรมและใช้บริการในสถานที่สาธารณะต่างๆ ก็อย่างได้เข้าพักหรือเข้าใช้บริการเลยหากไม่จำเป็นจริงๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการกำจัดเชื้อโควิด-19 ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว” 
 
นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลากล่าวด้วยว่า ผลกระทบจากธุรกิจท่องเที่ยวดังกล่าวยังส่งผลต่อประชาชนรากหญ้าที่หาเช้ากินค่ำจำนวนมาก การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นับเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดการณ์ไว้ก่อน ซึ่งในขณะนี้นับเป็นวิกฤตอย่างมากกับประชาชนในภาคใต้ และจะวิกฤตหนักมากกว่านี้อีกได้หากภาครัฐไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาด ทั้งนี้ภาครัฐควรบอกกับประชาชนถึงวิธีการป้องกันโรคที่ถูกต้อง อีกทั้งไม่ควรกระจายข่าวการจนทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและเกิดความหวาดกลัวจนเกินไป แต่ควรสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตโดยปกติสุข
 
นอกจากนี้แล้ว ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา ยังได้ร่วมกับสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา จัดประชุมความร่วมมือในการจัดทำมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 ในโรงแรม โดยมี นพ.บุญแสง บุญอำนวยกิจ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่12 ยะลา และนายศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงแรมอีกหลายแห่งเข้าร่วม ซึ่งเป็นการจัดประชุมในรูปแบบมีการทิ้งระยะห่างหรือ Social Distancing ให้ทุกภาคส่วนใช้ประชุมออนไลน์
 

นายศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์ นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่–สงขลา
 
ในที่ประชุมได้เน้นย้ำสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการการธุรกิจโรงแรมที่พักจะต้องยึดถือเป็นหลักเพื่อรับมือกับโควิด-19 คือจำเป็นต้องใช้ “มาตรการ 5 ค.” ประกอบด้วย ค.ที่ 1 คือ “คน” ต้องได้รับความรู้และสามารถนำความรู้ที่มีไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้, ค.ที่ 2 คือ “ครบ” คือต้องมีอุปกรณ์ที่ครบครัน เช่น เทอร์โมสแกนวัดไข้ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และสามารถนำอุปกรณ์เหล่านั้นมาใช้ให้ถูกวิธี, ค.ที่ 3 คือ “เคลียร์” ต้องมีกระบวนการในการเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดเชื้ออยู่เสมอ, ค.ที่ 4 คือ “คัดกรอง” ทุกสถานที่ต้องมีจุดคัดกรองและบีบให้ทางเข้ามีจำกัดที่สุด เพื่อป้องกันการกระจายการเข้า-ออกของลูกค้า และ ค.ที่ 5 หรือสุดท้ายคือ “คุย” ต้องพูดคุยเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจที่ตรงกัน
 
ทางด้าน นพ.บุญแสง บุญอำนวยกิจ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 แนวทางการป้องกันโรคในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงภาพรวมทั่วประเทศว่า หากประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้แน่นอน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยปรากฏแล้ว 192 ประเทศ ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่ภาครัฐประกาศอย่างเคร่งครัด ทั้งการไม่ออกจากบ้าน สวมถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี และที่สำคัญการล้างมือบ่อยๆ และปฏิบัติให้ถูกต้อง
 
นอกจากนี้ นายวิทยา แซ่ลิ่ม ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว อดีตผู้ก่อตั้งสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จ.สงขลาให้ข้อมูลว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อย่างมาก โดยถือเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่ถูกนำไปขายที่คึกคักกว่าเทศกลาอื่นๆ ทั้งหมด สงกรานต์แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายหมื่นคน มีเงินหมุนสะพัดหลายร้อยล้านบาท แต่คาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวจะยกเลิกการมาเล่นน้ำสงกรานต์ที่หาดใหญ่กันหมด เพราะต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยจากการระบาดของเชื้อโควิด-19
 

นพ.บุญแสง บุญอำนวยกิจ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา
 
“เอาแค่ในเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวที่ผมรับผิดชอบก็จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเลเซีย และสิงคโปร์มาใช้บริการตลอดทั้งปี แต่พอเริ่มเข้าสู่ปี 2563 นี้กลับกลายเป็นปีหนูไฟไปทันที เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบไม่เข้ามาเลยในช่วงเกือบ 3 เดือนมาแล้ว ผมเองแทบจะว่างงานร่วม 2 เดือนมาแล้วเช่นกัน หากให้ประเมินผมว่า นักท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่เราหายไปถึงกว่า 90%” นายวิทยากล่าวและเสริมว่า
 
อย่างไรก็ตามหากภายหลังเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลาย ตนเชื้อว่าจะต้องมีการประชุมร่วมกันของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครับ ภาคเอกชนและภาคประชาชน เพื่อสรุปบทเรียนและหาแนวทางมาตรการเพื่อเดินหน้ากันต่อไป ส่วนสถานการณ์การการท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่ รวมถึงทั้ง จ.สงขลาเราจะฟื้นฟูได้รวดเร็วมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ก็ต้องจับตามองกันต่อไป
 

นายวิทยา แซ่ลิ่ม ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว อดีตผู้ก่อตั้งสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพ จ.สงขลา


 
โดย... น.ส.ชนกภัทร จันทองไฝ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สาขานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
 


กำลังโหลดความคิดเห็น