ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โรงแรมภูเก็ตปิดตัวแล้วกว่า 50 แห่ง ยอดจองเหลือ 0% ไร้นักท่องเที่ยวใหม่เข้า ที่เหลือให้เห็นเป็นเพียงนักท่องเที่ยวตกค้าง ขณะที่รายได้สูญมหาศาล พนักงานเดือดร้อนไม่ต่ำกว่า 3 พันคน วอนรัฐหามาตรการช่วยเหลือพนักงาน
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้ส่งผลกระทบไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะภาคการบริการและการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้เกิดสภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสายการบิน ธุรกิจนำเที่ยว ร้านอาหาร สปา เป็นต้น แต่จากมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านแรงงาน ลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว และผู้ประกอบอาชีพอิสระจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้นยังไม่ครอบคลุมในส่วนของธุรกิจโรงแรม
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแรงงานในกลุ่มของโรงแรม ที่พักที่ได้รับความเดือดร้อน ทางสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้มีการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เพราะการเยียวยาครอบคลุมเฉพาะธุรกิจที่รัฐสั่งให้ปิดกิจการ ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมแม้ไม่ได้สั่งปิด แต่หลายแห่งก็มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมด
ขณะนี้โรงแรมบางส่วนได้มีการปิดตัวชั่วคราวไปแล้วกว่า 50 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดกลางขึ้นไป โดยมีระยะเวลาปิดที่แตกต่างกันไป บางรายปิด 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน และคิดว่าหลังจากนี้จะมีผู้ประกอบการโรงแรมปิดชั่วคราวไม่น้อยกว่า 40 % ของจำนวนโรงแรมที่มีทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดเป็นการปิดตัวชั่วคราวไม่มีการจ้างพนักงานออกทำให้พนักงานที่ยังมีชื่อเป็นพนักงานโรงแรมไม่สามารถที่จะรับการช่วยเหลือจากประกันสังคมได้ ส่วนเงินเดือนที่โรงแรมจะจ่ายให้พนักงานก็ยังไม่มี ทำให้พนักงานโรงแรมที่ประกาศปิดตัวชั่วคราวได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาดูแลในจุดนี้ และช่วยจ่ายเงินชดเชยให้แก่พนักงานโรงแรมในลักษณะเดียวกับคนว่างงาน เพื่อให้เขาสามารถดำรงชีพอยู่ได้
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ถึงเวลานี้อยากให้รัฐบาลหันมาเหลียวแลโรงแรมที่ต้องปิดตัวชั่วคราวเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด เนื่องจากขณะนี้ทุกโรงแรมอยู่ในภาวะที่ขาดทุนมาก เงินที่ช่วยเหลือเสริมสภาพคล่องที่ให้มากู้ยืมปัจจุบันกู้มาก็มาช่วยค่าจ้างให้แก่พนักงานทั้งหมด ตอนนี้ผู้ประกอบการโรงแรมยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะผ่านไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดให้บริการได้มากน้อยแค่ไหน
พนักงานที่ได้รับผลกระทบคิดว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 พันคน จำนวนห้องพักที่ปิดไปมีไม่น้อยกว่า 5,000 ห้อง ซึ่งในส่วนนี้เป็นโรงแรมขนาดกลางที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ส่วนโรงแรมที่ยังไม่เป็นสมาชิกเชื่อว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่วนโรงแรมขนาดเล็กก็มีการปิดตัวไปแล้วไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เราได้ทำไปแล้ว คือการให้พนักงานลาหยุด โดยการจ่ายค่าจ้างน้อยลง 25% รวมทั้งเรื่องของการใช้วันลาสะสมมาใช้ ซึ่งเริ่มดำเนินการประมาณเดือนมีนาคม ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป ถ้านักท่องเที่ยวยังไม่มา สถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็คงจะต้องปิดกิจการชั่วคราวอีกหลายโรงแรม
ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวในขณะนี้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 0% ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังเห็นอยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาและมีวันพักยาว เพราะจากตัวเลขที่ท่าอากาศยานพบว่าไม่ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้ว ส่วนที่มีเดินทางเข้ามาก็น่าจะเป็นคนในท้องถิ่นมากกว่า และเชื่อว่าหลังจากนี้จะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มอย่างแน่นอน ซึ่งอัตราการจองห้องพัก เม.ย.-พ.ค.ไม่มียอดจองเข้ามาเลย
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 35 กรณีที่นายจ้างมีความจำเป็นโดยเหตุหนึ่งเหตุใดที่สำคัญอันมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของนายจ้าง จนทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ซึ่งมิใช่เหตุสุดวิสัยต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้างในวันทำงานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการ ตลอดระยะเวลาที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้างทำงาน ดังนั้น ในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้ประกาศให้ปิดสถานประกอบการโรงแรม จึงมิใช่เหตุสุดวิสัยนายจ้างต้องจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 75 ของค่าจ้าง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเลย
ทางผู้ประกอบการคาดว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิค-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 6 เดือน นักท่องเที่ยวจึงจะเริ่มเดินทางกลับมาท่องเที่ยวได้บ้าง แต่ในห้วงเวลานั้น นายจ้างไม่มีรายได้มากพอที่จะดำเนินการตามมาตรา 75 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานได้ ถึงแม้จะมี แหล่งเงินกู้เข้ามาสนับสนุนก็เพียงแค่บรรเทาได้ชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ทางผู้ประกอบการจะต้องแบกรับในระยะยาวอีกเช่นกัน
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ประสงค์จะหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวลงทะเบียนเพื่อให้ลูกจ้างที่นายจ้างไม่ให้ทำงานสามารถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เช่นเดียวกับกรณีเหตุสุดวิสัยที่ภาครัฐได้สั่งปิดกิจการเป็นการชั่วคราวในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นระยะเวลา 180 วัน ประการที่ 2 กรณีที่สถานประกอบการยังเปิดดำเนินกิจการอยู่หรือหยุดดำเนินกิจการบางส่วน แต่มีความจำเป็นต้องมีพนักงานบางตำแหน่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาดูแลความปลอดภัย ซ่อมแซมหรือให้บริการลูกค้าในบางแผนก เช่น แผนกวิศวกรรม แผนกการตลาด แผนกจองห้องพัก เป็นต้น เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายนายจ้างส่วนใหญ่ได้ตกลงกับลูกจ้างให้หยุดงานบางวันโดยไม่รับค่าจ้าง (Leave without Pay) หรือให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างตามหลักสัญญาต่างตอบแทน (No Work No Pay) หรือให้หยุดงาน โดยจ่ายค่าจ้างตามจำนวนที่ตกลงกับลูกจ้างตลอดระยะเวลาที่หยุดงานนั้น ทำให้ลูกจ้างบางคนบางตำแหน่งอาจจะได้รับค่าจ้างน้อยกว่าร้อยละ 50 ของค่าจ้างปกติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของลูกจ้างในกลุ่มดังกล่าว
จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาหามาตรการเยียวยาด้วยเช่นกัน อาจเปิดให้ดำเนินการลงทะเบียนและช่วยเหลือชดเชยค่าจ้างในส่วนที่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เป็นการเฉพาะรายเป็นระยะเวลา 180 วัน เนื่องจากผู้ประกอบการโรงแรมได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าโลกมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2562 จนทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง โดยผู้ประกอบการเองได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการเละพนักงานมากนัก เพื่อให้สถานประกอบการยังคงดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง มาวันนี้สถานประกอบการที่ยังพยายามดำเนินกิจการอยู่ไม่ต้องการที่จะปิดตัวลงหรือเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามข้อเสนอนี้หรือมีมาตรการเพิ่มเติมมาดูแล เชื่อว่าผู้ประกอบการโรงแรมจะต้องล้มละลายไปเป็นจำนวนมาก เพิ่มภาระให้แก่กองทุนประกันสังคม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประทศเป็นอย่างยิ่ง ยากที่จะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเป็นเสาหลักในการสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้ให้แก่ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ นายก้องศักดิ์ กล่าว
นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวได้ส่งผลกระทบไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะภาคการบริการและการท่องเที่ยว ที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้เกิดสภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสายการบิน ธุรกิจนำเที่ยว ร้านอาหาร สปา เป็นต้น แต่จากมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านแรงงาน ลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว และผู้ประกอบอาชีพอิสระจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้นยังไม่ครอบคลุมในส่วนของธุรกิจโรงแรม
ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแรงงานในกลุ่มของโรงแรม ที่พักที่ได้รับความเดือดร้อน ทางสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้มีการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เพราะการเยียวยาครอบคลุมเฉพาะธุรกิจที่รัฐสั่งให้ปิดกิจการ ในขณะที่ธุรกิจโรงแรมแม้ไม่ได้สั่งปิด แต่หลายแห่งก็มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมด
ขณะนี้โรงแรมบางส่วนได้มีการปิดตัวชั่วคราวไปแล้วกว่า 50 แห่ง ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดกลางขึ้นไป โดยมีระยะเวลาปิดที่แตกต่างกันไป บางรายปิด 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน และคิดว่าหลังจากนี้จะมีผู้ประกอบการโรงแรมปิดชั่วคราวไม่น้อยกว่า 40 % ของจำนวนโรงแรมที่มีทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดเป็นการปิดตัวชั่วคราวไม่มีการจ้างพนักงานออกทำให้พนักงานที่ยังมีชื่อเป็นพนักงานโรงแรมไม่สามารถที่จะรับการช่วยเหลือจากประกันสังคมได้ ส่วนเงินเดือนที่โรงแรมจะจ่ายให้พนักงานก็ยังไม่มี ทำให้พนักงานโรงแรมที่ประกาศปิดตัวชั่วคราวได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาดูแลในจุดนี้ และช่วยจ่ายเงินชดเชยให้แก่พนักงานโรงแรมในลักษณะเดียวกับคนว่างงาน เพื่อให้เขาสามารถดำรงชีพอยู่ได้
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ถึงเวลานี้อยากให้รัฐบาลหันมาเหลียวแลโรงแรมที่ต้องปิดตัวชั่วคราวเพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด เนื่องจากขณะนี้ทุกโรงแรมอยู่ในภาวะที่ขาดทุนมาก เงินที่ช่วยเหลือเสริมสภาพคล่องที่ให้มากู้ยืมปัจจุบันกู้มาก็มาช่วยค่าจ้างให้แก่พนักงานทั้งหมด ตอนนี้ผู้ประกอบการโรงแรมยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะผ่านไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดให้บริการได้มากน้อยแค่ไหน
พนักงานที่ได้รับผลกระทบคิดว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 พันคน จำนวนห้องพักที่ปิดไปมีไม่น้อยกว่า 5,000 ห้อง ซึ่งในส่วนนี้เป็นโรงแรมขนาดกลางที่เป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ส่วนโรงแรมที่ยังไม่เป็นสมาชิกเชื่อว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่วนโรงแรมขนาดเล็กก็มีการปิดตัวไปแล้วไม่น้อยกว่า 30%
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เราได้ทำไปแล้ว คือการให้พนักงานลาหยุด โดยการจ่ายค่าจ้างน้อยลง 25% รวมทั้งเรื่องของการใช้วันลาสะสมมาใช้ ซึ่งเริ่มดำเนินการประมาณเดือนมีนาคม ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป ถ้านักท่องเที่ยวยังไม่มา สถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็คงจะต้องปิดกิจการชั่วคราวอีกหลายโรงแรม
ส่วนสถานการณ์การท่องเที่ยวในขณะนี้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 0% ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังเห็นอยู่ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาและมีวันพักยาว เพราะจากตัวเลขที่ท่าอากาศยานพบว่าไม่ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้ว ส่วนที่มีเดินทางเข้ามาก็น่าจะเป็นคนในท้องถิ่นมากกว่า และเชื่อว่าหลังจากนี้จะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มอย่างแน่นอน ซึ่งอัตราการจองห้องพัก เม.ย.-พ.ค.ไม่มียอดจองเข้ามาเลย
นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน มาตรา 35 กรณีที่นายจ้างมีความจำเป็นโดยเหตุหนึ่งเหตุใดที่สำคัญอันมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการของนายจ้าง จนทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ซึ่งมิใช่เหตุสุดวิสัยต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของค่าจ้างในวันทำงานที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการ ตลอดระยะเวลาที่นายจ้างไม่ได้ให้ลูกจ้างทำงาน ดังนั้น ในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้ประกาศให้ปิดสถานประกอบการโรงแรม จึงมิใช่เหตุสุดวิสัยนายจ้างต้องจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 75 ของค่าจ้าง ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเลย
ทางผู้ประกอบการคาดว่าการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิค-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวเป็นระยะเวลานานเกินกว่า 6 เดือน นักท่องเที่ยวจึงจะเริ่มเดินทางกลับมาท่องเที่ยวได้บ้าง แต่ในห้วงเวลานั้น นายจ้างไม่มีรายได้มากพอที่จะดำเนินการตามมาตรา 75 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานได้ ถึงแม้จะมี แหล่งเงินกู้เข้ามาสนับสนุนก็เพียงแค่บรรเทาได้ชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ทางผู้ประกอบการจะต้องแบกรับในระยะยาวอีกเช่นกัน
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ประสงค์จะหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวลงทะเบียนเพื่อให้ลูกจ้างที่นายจ้างไม่ให้ทำงานสามารถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน เช่นเดียวกับกรณีเหตุสุดวิสัยที่ภาครัฐได้สั่งปิดกิจการเป็นการชั่วคราวในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นระยะเวลา 180 วัน ประการที่ 2 กรณีที่สถานประกอบการยังเปิดดำเนินกิจการอยู่หรือหยุดดำเนินกิจการบางส่วน แต่มีความจำเป็นต้องมีพนักงานบางตำแหน่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาดูแลความปลอดภัย ซ่อมแซมหรือให้บริการลูกค้าในบางแผนก เช่น แผนกวิศวกรรม แผนกการตลาด แผนกจองห้องพัก เป็นต้น เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายนายจ้างส่วนใหญ่ได้ตกลงกับลูกจ้างให้หยุดงานบางวันโดยไม่รับค่าจ้าง (Leave without Pay) หรือให้ลูกจ้างหยุดงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างตามหลักสัญญาต่างตอบแทน (No Work No Pay) หรือให้หยุดงาน โดยจ่ายค่าจ้างตามจำนวนที่ตกลงกับลูกจ้างตลอดระยะเวลาที่หยุดงานนั้น ทำให้ลูกจ้างบางคนบางตำแหน่งอาจจะได้รับค่าจ้างน้อยกว่าร้อยละ 50 ของค่าจ้างปกติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของลูกจ้างในกลุ่มดังกล่าว
จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาหามาตรการเยียวยาด้วยเช่นกัน อาจเปิดให้ดำเนินการลงทะเบียนและช่วยเหลือชดเชยค่าจ้างในส่วนที่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เป็นการเฉพาะรายเป็นระยะเวลา 180 วัน เนื่องจากผู้ประกอบการโรงแรมได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าโลกมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2562 จนทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง โดยผู้ประกอบการเองได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้บริการเละพนักงานมากนัก เพื่อให้สถานประกอบการยังคงดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง มาวันนี้สถานประกอบการที่ยังพยายามดำเนินกิจการอยู่ไม่ต้องการที่จะปิดตัวลงหรือเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร หากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามข้อเสนอนี้หรือมีมาตรการเพิ่มเติมมาดูแล เชื่อว่าผู้ประกอบการโรงแรมจะต้องล้มละลายไปเป็นจำนวนมาก เพิ่มภาระให้แก่กองทุนประกันสังคม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประทศเป็นอย่างยิ่ง ยากที่จะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาเป็นเสาหลักในการสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้ให้แก่ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ นายก้องศักดิ์ กล่าว