xs
xsm
sm
md
lg

ยันแล้ว! ผู้เสียชีวิตรายแรกที่สุไหงโก-ลก มีประวัติเดินทางร่วมพิธีศาสนาที่มาเลเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
นราธิวาส - ผู้ว่าฯ นราธิวาส ออกแถลงพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายแรก มีประวัติเดินทางร่วมคณะ 132 คนไทย ร่วมพิธีทางศาสนา (ดะวะห์) ณ มัสยิดศรีเปตาลิง ประเทศมาเลเซีย พร้อมแจงความคืบหน้าตั้งโรงพยาบาลภาคสนาม

วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ศูนย์ EOC ณ ห้องพระบารมี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย นายบุญช่วย หอมยามเย็น ปลัดจังหวัดนราธิวาส นพ.วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และ นพ.อินทร์ จันแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 3

นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส พบผู้ป่วยยืนยัน จำนวน 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลับบ้านแล้ว 2 ราย และกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วย รวมถึงผู้สัมผัสผู้ป่วยที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 7 ราย เป็นผู้ป่วยที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย 1 ราย และเป็นผู้ป่วยที่จำหน่ายออกจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ 1 ราย อาศัยในพื้นที่ ต.มาโมง อ.สุคิริน จำนวน 2 ราย ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 3 ราย ต.แว้ง อ.แว้ง จำนวน 1 ราย ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จำนวน 1 ราย และ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จำนวน 1 ราย

โดยผู้ป่วยทั้ง 8 ราย ได้รับการดูแลตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้ไม่มีอาการ กลับบ้านแล้ว จำนวน 2 ราย มีอาการเล็กน้อย และอาการดีขึ้น 5 ราย มีอาการรุนแรง และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งยืนยันผู้เสียชีวิตล่าสุดเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 132 คนไทยที่เดินทางไปร่วมพิธีทางศาสนา (ดะวะห์) ณ มัสยิดศรีเปตาลิง ประเทศมาเลเซีย

พร้อมกันนี้ ยังเน้นย้ำในมาตรการดำเนินการที่จังหวัดนราธิวาสกำหนด มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก สื่อสารให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่เสี่ยงได้รับทราบ และเข้าใจในมาตรการต่างๆ ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางเข้าออก การจดบันทึกการเข้าออก เพื่อให้ทราบว่ามาจากพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ รวมถึงการทำความสะอาดพื้นที่พักอาศัย การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค รวมถึงการเว้นระยะห่างกันระหว่างบุคคลไม่น้อยกว่า 1 เมตร การตรวจตราสอดส่องในเขตพื้นที่เสี่ยง ให้มีการดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ของโรคติดเชื้อ และการตักเตือนให้แก้ไขหรือดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการ หากยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือฝ่าฝืนมาตรการจะให้มีการตรวจสอบตัวบุคคลผู้กระทำการฝ่าฝืน บันทึกเหตุการณ์
 


 
ทั้งนี้ จังหวัดประกาศแจ้งกำหนดพื้นที่เสี่ยงเพื่อควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) โดยห้ามผู้ใดเข้าไป หรือออกจากพื้นที่ ดังนี้ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ ต.แว้ง อ.แว้ง ต.มาโมง อ.สุคิริน ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก และ ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กำหนด 14 วัน ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. ถึง 8 เม.ย.2563 หากผู้ใดมีความจำเป็นจะต้องเข้าหรือออกจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอท้องที่ โดยใช้เส้นทางที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่กำหนด และขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ร่วมรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม ด้วยการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อร่วมฝ่าวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) ไปด้วยกัน

ขณะที่จังหวัดนราธิวาส จะมีการเปิดโรงพยาบาลสนาม (Cohort Hospital) รองรับการคัดกรองผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส (COVID-19) และการเตรียมรับมือเมื่อพบผู้ป่วยจำนวนมาก ณ โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงได้ จำนวน 34 เตียง ห้องแยก 2 เตียง ผู้ป่วยระดับรุนแรงจะส่งต่อเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ห้องแยก 14 เตียง และถ้ามีจำนวนมาก สามารถเปิดโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก รองรับเพิ่มเติมได้อีก ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) COVID-19 จังหวัดนราธิวาส เปิดบริการเปิดสายด่วน 1881 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบข้อสงสัย และการสื่อสารกับประชาชนให้หลายช่องทางมากขึ้น

ด้าน นพ.อินทร์ จันแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ได้กล่าวถึงประวัติการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดนราธิวาส ผู้ป่วยเป็นชายไทย อายุ 49 ปี อาชีพรับจ้าง อยู่ในพื้นที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหโก-ลก จ.นราธิวาส ผู้ป่วยมีน้ำหนักตัว 109 กิโลกรัม มีประวัติไปทำกิจกรรมทางศาสนาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเชีย กลับเข้าประเทศไทยโดยรถยนต์ส่วนบุคคล เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 เริ่มมีอาการป่วยวันที่ 11 มีนาคม 2563 อาการคือเป็นไข้หวัด และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เมื่อ 12 มีนาคม 2563

ต่อมา ผลตรวจพบว่าติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 และทำการรักษาตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข จนวันที่ 26 มีนาคม 2563 เวลา 14.00 น. เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น แพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะระบบหายใจล้มเหลว ที่สุดไม่สามารถยื้อ และช่วยชีวิตได้ และเสียชีวิตวันที่ 27 มีนาคม 2563 เวลา 03.30 น.

ในส่วนการจัดการศพ ทีมสุขภาพได้ดำเนินการจัดการศพตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และห่อหุ้มศพด้วยถุงป้องกันเชื้อ และโรงพยาบาลนำส่งศพไปสุสานเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ทีมแพทย์ และทีมเยียวยาจิตใจทำความเข้าใจกับญาติ ซึ่งทุกคนมีความเข้าใจ และปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการติดเชื้อกระทรวงสาธารณสุข กับผู้ประกอบพิธีทางศาสนาในการฝังศพตามประกาศจุฬาราชมนตรี และกันประชาชนออกห่าง ให้มาทำพิธีเท่าที่จำเป็นเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อตามคำแนะนำของแพทย์
 


กำลังโหลดความคิดเห็น