ยะลา - มัสยิดใน อ.เบตง จ.ยะลา สั่งงดการละหมาดญุมอะห์ หรือละหมาดวันศุกร์ชั่วคราว ตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่มัสยิดกลาง อ.เบตง จ.ยะลา นายอิสมาแอ หะยีมะนุส อิหม่ามประจำมัสยิดกลาง อ.เบตง และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา สาขาเบตง เปิดเผยว่า ในวันนี้มัสยิดทุกแห่งใน อ.เบตง ต่างงดประกอบพิธีละหมาดญุมอะห์ หรือละหมาดวันศุกร์ชั่วคราว เช่น ที่มัสยิดหน้ากลางอำเภอเบตง ซึ่งได้ขึ้นป้ายติดไว้ที่บริเวณประตูทางเข้ามัสยิดงดละหมาดญุมอะห์ชั่วคราว รวมถึงมัสยิดในพื้นที่ อ.เบตง จำนวน 33 มัสยิด ซึ่งได้ประกาศเสียงตามสายงดละหมาดญุมอะห์เช่นกัน และได้ทำความสะอาดมัสยิด ทั้งภายนอกและภายใน ห้องน้ำ ที่อาบน้ำละหมาด และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ยูอินดัสตรี้ จำกัด ในการพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัสตามจุดสำคัญในมัสยิดกลางอำเภอเบตงด้วย
นายอิสมาแอ หะยีมะนุส อิหม่ามประจำมัสยิดกลางอำเภอเบตง กล่าวอีกว่า การงดละหมาดญุมอะห์ หรือละหมาดวันศุกร์ ตามประกาศของสำนักจุฬาราชมนตรี ที่ให้มัสยิดทั่วประเทศงดละหมาดญุมอะห์ หรือละหมาดวันศุกร์ รวมถึงละหมาดญะมาอะห์ หรือละหมาดประจำวันที่มัสยิดชั่วคราว โดยให้ละหมาดที่บ้านแทน จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และเป็นครั้งแรกที่มีการงดละหมาดญุมอะห์ หรือละหมาดวันศุกร์จากปัญหาโรคระบาด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม มัสยิดต่างๆ ใน อ.เบตง ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกทั้งให้คำแนะนำเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้แก่ชาวมุสลิมในพื้นที่ให้ปฏิบัติตาม เพื่อลดการสูญเสีย และหยุดการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ หรือรัฐบาลจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
โดยประกาศดังกล่าวแนะนำให้ชาวมุสลิมงดการทักทาย (สลาม) ด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือทักทายกันเท่านั้น สำหรับมัสยิดให้ผู้ดูแลทำความสะอาดอุปกรณ์ และบริเวณที่มีผู้สัมผัสมากๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาด และแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ และบ่อยกว่าปกติ รวมทั้งให้ทำความสะอาดพื้นมัสยิด หรือที่ละหมาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เป็นต้น กรณีมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19 นั้น ห้ามญาติ และผู้มาเยี่ยม สัมผัสหรือจูบศพ และเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และแพร่กระจายของเชื้อ จึงทำให้การจัดการศพต้องดำเนินไปตามหลักการแพทย์ทุกประการ
โดยให้ทำการตะยัมมุมแทนการอาบน้ำศพในห้องปลอดเชื้อ หรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ เสร็จแล้วปิดถุงบรรจุศพ โดยถือเอาถุงบรรจุศพนั้นเป็นกะฝั่น (ผ้าห่อศพ) และให้ทำการละหมาดให้แก่ศพ ณ สถานที่นั้น หลังจากนั้นให้นำศพไปฝังที่สุสานโดยเร็วที่สุด