xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ ปัตตานียันผู้ติดโควิด-19 สะสมพุ่ง 20 ราย สั่งปิดร้านค้า 21 วัน จับตากลุ่มเฝ้าระวังทั่ว จชต.ทะลุหมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ปัตตานี - ผู้ว่าฯ ปัตตานีแถลงวันนี้ (24) พบผู้ติดโควิด-19 เพิ่มอีก 8 รวมยอดสะสมเป็น 20 ราย สั่งคุ้มเข้มร้านค้า 21 วัน จัดกลุ่มเฝ้าระวัง 6 บัญชี ชี้ให้จับตาเป็นพิเศษผู้เดินทางกลับจากมาเลเซียที่กระจายทั่วชายแดนใต้อำเภอละกว่า 500 รวมแล้วทะลุ 1 หมื่นราย

วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี สสจ.ปัตตานี นายก อบจ. นายกเทศบาลเมืองปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีสถานการณ์ล่าสุดของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และมาตรการป้องกันเข้มและการขอความร่วมมือไปยังสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่ให้หยุดบริการ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่แล้ว 20 ราย เป็นผู้ที่เดินทางจากการร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา 8 ราย อีก 12 รายเป็นผู้ที่สัมผัสกับ 8 รายแรก โดยผู้ป่วยทั้ง 12 รายเรากักตัวไว้ตั้งแต่เนินๆ แล้ว เราได้ดำเนินการตามที่กรมควบคุมโรคตั้งแต่วันที่เราเจอตัว ทั้งผู้เดินทางเข้ามา และผู้ใกล้ชิดเกี่ยวข้องและมีการสัมผัส
 
 


 
ขอแจ้งว่าเราได้เฝ้าระวังตามบัญชีที่ทำไว้ทั้ง 6 บัญชี คือ

1.บัญชีที่เดินทางจากกลุ่มประเทศโรคติดต่ออันตราย คือ จีน เกาหลี อีตาลีและอีหร่าน พบ 12 รายต้องสงสัย และได้ทำการกักตัวตรวจร่างกายครบทั้งหมด ปรากฏว่าไม่มีเชื้อ

2.กลุ่มที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา รวมแม่ค้าที่ไปด้วยทั้งหมด 27 ราย พบ 8 ราย และมีผู้สัมผัส 12 ราย รวมเป็น 20 ราย และในส่วนบัญชีนี้ยังต้องเฝ้าระวังอีก 30 กว่าราย
 
3.บัญชีที่เดินทางจากสนามมวยลุมพินี และสถานประกอบการที่มีการแพร่ระบาดต่างๆ พบว่ามี 2 คน แต่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ

4.บัญชีกลับจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศอันตราย ไม่พบเชื้อแต่มีบุคคลเฝ้าจำนวนหนึ่ง
 
5.ผู้ที่สัมผัสกับคนที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา ทั้ง 27 ราย ทั้งหมดต้องเฝ้าระวัง 62 คน มีต้องสงสัยมีอาการบ่งชี้ก็ได้ทำการตรวจสอบแล้ว และต้องเฝ้าระวังอีกจำนวน 10-15 ราย
 
และ 6.บัญชีคนที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมนฑล ขณะนี้กำลังเอกซเรย์

ขอเรียนว่าเราเตรียมเฝ้าระวังถึง 6 บัญชีอย่างเข้มงวดที่สุด ถ้าใครติดเชื้อจะได้สอบสวนย้อนหลังทันที ทางกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการลงไปยังสาธารณสุข อนามัย และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าไปตรวจสอบถึงชุมนุมหมู่บ้านให้เฝ้าระวังกลุ่มที่เดินทางจากกรุงเทพฯ และที่สำคัญผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเซีย เพราะแต่ละอำเภอมีไม่ต่ำกว่า 500 คน ทั้ง 3 จังหวัดรวมแล้วหมื่นกว่าคน บางคนยังหาตัวไม่เจอและยังไม่แสดงตัว ถือเป็นเรื่องน่ากังวลเป็นห่วงพอสมควร
 


 
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อครอบคลุมมากกว่า 8 หมู่บ้านแล้ว ยอมรับว่าการตรวจสอบทั้งผู้กลับจากกิจกรรมหรือกลับมาจากต่างพื้นที่นั้นๆ ค่อนข้างลำบาก และต้องใช้เวลาในการสอบสวนโรคให้มากขึ้นกว่าเดิม เราต้องการให้ผู้ที่อยู่ใน 6 บัญชีกลับมาอยู่ในหมู่บ้านและไม่ให้ไปไหนเพื่อการคุมพื้นที่ และไม่พบปะทางสังคม ทุกคนต้องเฝ้าระวังดูแลหมู่บ้านให้เต็มที่ เพื่อให้เชื่อว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยของหมู่บ้าน และอาจจะบังคับใช้กฎหมายพื้นที่ที่มีเชื้อดังกล่าวโดยรวม คนที่มาจากมาเลเซียทั้งหมดร่วมหมื่นกว่าคน แต่ทั้งหมดได้รับรู้และปฏิบัติการเฝ้าระวังตนไว้แล้ว

ตนได้ตระเวนตอนกลางคืนและให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปร้านค้าที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ และประสานหน่วยงานในพื้นที่แจ้งไปแล้ว วันนี้จังหวัดได้บังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้นเพื่อขอความร่วมมืออย่างเข้มงวด ตนได้กำชับนายอำเภอให้บังคับใช้กฎหมายต่อร้านค้าที่ไม่ให้ความร่วมมือ เราเห็นใจในวิถีการดำรงชีวิตที่ต้องยืนยันในการช่วยสังคม แต่กลายเป็นการฉวยโอกาสของคนบางคนที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ ถ้ายังปล่อยปละละเลยทางผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ

ส่วนตลาดร้านค้าที่ยังมีความจำเป็นก็ยังอนุโลม แต่ต้องป้องกันเข้มทุกร้านทุกคน ต้องจัดระบบไม่ให้คนพลุกพล่าน ทุกท้องถิ่นที่ดูแลตลาดสดต้องเข้มงวด และบางตลาดจะต้องงดเปิดชั่วคราวและต้องควบคุมเวลาเปิดปิดให้ตรงเวลาตามกำหนด ซึ่งคณะกรรมการเห็นชอบแล้วให้หยุดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จำนวน 21 วัน
 


 
ในส่วนของ จ.ปัตตานี ประชาชนมีความตื่นตัวตั้งแต่ 13 มีนาคม วันนี้มีจำนวนคนติดมากขึ้นแต่ที่กังวลคือ คนปัตตานีอย่าออกไป คนที่อื่นอย่าเข้ามา คือต้องเป็นความร่วมมือของแต่ละจังหวัด ขอแจ้งว่า ผู้ว่าฯ ทั้ง 4 จังหวัดได้ประสานงานกันตลอด ขอแจ้งว่าวันนี้ได้ใช้มาตราการปิดด่านทั้งหมด ทั้งด้านถาวร ด่านชั่วคราวปิดหมด ฉะนั้นการเดินทางมาจะลดลง ส่วนการเดินทางระหว่างต่างจังหวัด/กรุงเทพฯ เป็นสิ่งที่ดำเนินการค่อนข้างยาก ฉะนั้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องทำงานหนักในการตรวจสอบ ต้องใช้เวลาในการเฝ้าระวังมากขึ้น เราต้องใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุข ปี 58 ออกการใช้กฎหมายบังคับใช้ให้เข้มข้น เพื่อขอความร่วมมือร้านค้าต่างๆ 

ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอความร่วมมือผู้ที่จำเป็นต้องเดินทาง ให้เดินทางทำธุระตามความจำเป็น การไปมาหาสู่ขอให้มีการระวัง ใส่หน้ากากอนามัยทั้งหมดป้องกันความเสี่ยงด้วย

เรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลนนั้น ได้ประสานนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามท้องถิ่น กศน.ทั้งหมดได้ผลิตหน้ากากไว้แจกจ่ายไปยังหมู่บ้าน ให้ได้อย่างทั่วถึงแล้ว
 


กำลังโหลดความคิดเห็น