ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บรรยากาศชายแดนไทย-มาเลเซียที่ จ.สงขลา เงียบเหงาหนัก หลังทางจังหวัดเริ่มใช้มาตรการปิดการเดินทางเข้าออกด่านพรมแดนทั้ง 3 แห่งวันแรก ห้ามคนไทย และชาวต่างชาติผ่านเข้าออก ยกเว้นด่านพรมแดนสะเดาที่ยังอนุญาตให้รถขนส่งสินค้าผ่านได้
วันนี้ (23 มี.ค.) บรรยากาศตามแนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย ที่ จ.สงขลา ในวันนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากทาง จ.สงขลา ได้ใช้มาตรการปิดด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียทั้ง 3 แห่ง คนไทยห้ามออก คนนอกห้ามเข้าแล้วเป็นวันแรก ทั้งด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ด่านพรมแดนบ้านประกอบ อ.นาทวี และด่านพรมแดนสะเดา จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อป้องกันการระบาดโรคโควิด-19
โดยห้ามไม่ให้คนไทยหรือชาวต่างชาติเดินทางเข้าออกผ่านด่านพรมแดนทั้ง 3 แห่ง รวมถึงยานพาหนะ และสิ่งของ ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา ซึ่งยังอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า พร้อมด้วยคนประจำยานพาหนะขนส่งสินค้าคันละ 1 คน ซึ่งต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 จากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ณ จุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดา
ส่งผลให้บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซียเงียบเหงาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่ด่านพรมแดนสะเดา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวแทบกลายเป็นเมืองร้าง และจากมาตรการปิดด่านทำให้มีคนไทยที่ตกค้างอยู่ในประเทศมาเลเซีย และลงทะเบียนต้องการเดินทางกลับประเทศไว้แล้วราว 4,000 คน
ซึ่งนอกจากจะปิดด่านทั้ง 3 แห่งแล้ว ในวันพรุ่งนี้ จ.สงขลา ก็จะเริ่มใช้มาตรการเดียวกับกรุงเทพฯ คือ ปิดสถานที่ควบคุมการให้บริการ ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และตลาด ไปจนถึงวันที่ 6 เมษายนนี้
ส่วนสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ จ.สงขลา จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยแล้ว 5 คน ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค 181 คน และรอผลยืนยันอีก 13 คน