ปัตตานี - อปท.ในจังหวัดปัตตานี ส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวนกว่า 11,400 ชิ้น ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อมอบต่อให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปัตตานี ร่วมส่งมอบหน้ากากอนามัยที่ อปท. แต่ละแห่งจัดทำขึ้น โดยมี นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นผู้รับมอบก่อนที่จะนำไปส่งต่อให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อไป
นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ตัวแทน อปท.ในจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ อปท.ในจังหวัดปัตตานี ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการทำหน้ากากอนามัยไปแล้ว ประกอบกับวันที่ 18 มีนาคม เป็นวันท้องถิ่นไทย ดังนั้น อปท.ทุกแห่งในจังหวัดปัตตานี จึงได้รวบรวมหน้ากากอนามัยที่ได้จัดทำแล้วแห่งละ 100 ชิ้น รวมทั้งสิ้นกว่า 11,400 ชิ้น ส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อส่งต่อให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อไป
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของจังหวัดปัตตานีว่า มี 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 คือ ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่อง มีจำนวน 8 ราย อยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง 14 วัน
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้ที่เดินทางไปร่วมงานชุมนุมทางศาสนาที่มาเลเซีย เฉพาะของปัตตานี ขณะนี้ได้ทราบตัวผู้ที่เดินทางไปแล้ว 25 ราย ขณะนี้พบตัวหมดแล้ว ได้ทำการตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่ามีไข้สูง จำนวน 7 ราย ซึ่ง 1 ใน 7 ราย มีผลเป็นที่ยืนยันว่าพบเชื้อแล้ว 1 ราย ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมแล้ว ส่วนอีก 6 ราย ได้มีการสอบสวนโรค และดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคเรียบร้อยแล้ว
ส่วนกลุ่มที่ 3 คือ ผู้เข้าไปร่วมที่สนามมวยลุมพินี พบว่ามีนักมวยปัตตานีไปร่วมกิจกรรม 2 คนพ่อลูก ก็ได้มีการดูแลสอบสวน และเข้ากระบวนการควบคุมโรคเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือประชาชนที่รู้ตัวว่าได้ไปที่สถานที่ทั้ง 3 ที่ดังกล่าวนี้ สัมผัสกับคนตามสถานที่นี้ ควรจะแยกกักตัวเองเพื่อดูอาการ และแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาที่ถูกต้องโดยเร็ว พร้อมกันนี้ ได้แจ้งให้นายอำเภอทุกอำเภอและส่วนราชการต่างๆ ขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงจัดกิจกรรม หรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จำเป็น และถือปฏิบัติอย่างเข้มข้นด้วย