ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายจากหตุปะทะที่ริมเขื่อนปัตตานั้โรงพยาบาลศูนย์ยะล พร้อมลงพื้นที่ติดตามควบคุมการปฏิบัติหลังยืดเยื้อมาแล้ว 4 วัน
วันนี้ (15 มี.ค.) พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การสนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย เข้าขยายผลบังคับใช้กฎหมายกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ริมเขื่อนปัตตานี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จึงเกิดการปิดล้อมและยิงปะทะกันขึ้น ผลจากการปะทะมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 นาย นำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ดังนี้
1.จ.ส.อ.ดวงดี เปาทอง รอง ผบ.มว.ปล.ร้อย.อวบ.ร.152 สังกัด ฉก.ยะลา 12, 2.ส.ท.สุขเกษม บุตรน้อย สังกัด ฉก.ทพ.47, 3.อส.ทพ.พรชัย แปลงคิดใส สังกัด ฉก.ทพ.47 และ 4.อส.ทพ.ฮาฟิส เมาะมูซอ สังกัด ฉก.ทพ.47 ทั้งหมดอาการปลอดภัยอยู่ในความดูแลของแพทย์ ณ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอบคุณการทำงานอย่างเต็มกำลังของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพื่อยุติปฏิบัติการการเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ก่อนจะได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากตรวจพบภาพข่าวความเคลื่อนไหวกลุ่มคนร้าย ที่เตรียมก่อเหตุสร้างสถานการณ์เชิงสัญลักษณ์และก่อเหตุในเมืองเศรษฐกิจ จึงได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบตั้งแต่ 12 มีนาคม 2563 ผลปรากฎพบแหล่งหลบซ่อนพักพิง พร้อมตรวจยึดเรือและอุปกรณ์ยังชีพหลายรายการ จึงได้จัดกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมได้ประสานผู้นำ 4 เสาหลัก และเครือญาติได้รับทราบ
ขณะเดียวกันมีผู้นำศาสนาเข้าให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ ในการประสานขอให้คนร้ายมอบตัว แต่ยังไม่เป็นผล ทั้งนี้ในปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักในการสื่อสารเพื่อให้คนร้ายออกมามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอย่างสันติวิธี แต่กลุ่มคนร้ายกลับใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น ยังคงเสริมปฏิบัติการทั้งทางอากาศและทางเรือ ปิดทุกช่องทางการหลบหนี และห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกหรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออกบริเวณดังกล่าวโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตราย ขอเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องมีความเข้มแข็งและอดทน ไม่ย่อท้อต่อภารกิจเข้าประชิดปิดล้อม ทุกแผนต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุมาให้ได้และจบปฏิบัติการครั้งนี้โดยเร็ว หากมีความจำเป็นให้ใช้อาวุธเป็นมาตรการสุดท้ายเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
