ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ฝ่ายวิจัยคณะการบริการและการท่องเที่ยว ม.อ.ภูเก็ต เสนอผลกระทบทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กุมภาพันธ์เดือนเดียวเสียหายกว่าหมื่นล้าน คาด 7 เดือน ทำเศรษฐกิจภูเก็ตเสียหายถึง 7 หมื่นล้านบาท โรงแรมกระทบหนักสุด ห่วงธุรกิจขนส่งทางบกทางน้ำที่สายป่านอาจจะสั้นกว่าธุรกิจอื่นๆ เพราะผู้ประกอบการเป็นรายบุคคล
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (12 มี.ค.) รศ.ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครนทร์ วิทยาเขตภูเก็ต พร้อมด้วย ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณะบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว ม.อ.ภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวโครงการ ม.อ.ภูเก็ต พบสื่อมวลชน ในหัวข้อ “ผลกระทบทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตจาก Covid-19” ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดีวิทยาเขตภูเก็ต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.ภูเก็ต)
โดยการแถลงข่าวในวันนี้ รศ.ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต และ ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว ได้นำเสนอผลวิจัยการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทาง ม.อ.ภูเก็ต โดยฝ่ายวิจัยคณะการบริการและการท่องเที่ยว ได้ทำการวิจัยศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวของภูเก็ต โดยตั้งสมมติฐานจากนักท่องเที่ยวจีนที่จะหายไปเพียงชาติเดียว ซึ่งผลวิจัยในตอนนั้นระบุว่า ภูเก็ตจะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 30,000-32,000 ล้านบาท
แต่เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ทางฝ่ายวิจัยฯ จึงได้ทำการวิจัยรอบใหม่ โดยตั้งสมมติฐานบนพื้นฐานการหายไปของนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ พบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์จากเดิมที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เฉลี่ยต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 19,085 คนต่อวัน เหลือเพียง 11,850 คนต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้โดยสารกลุ่มนี้ คือ นักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางเข้าภูเก็ตผ่านเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นเพียงร้อยละ 50.12 ของนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด ดังนั้น ทางผู้วิจัยจึงประมาณการนักท่องเที่ยวหายไปในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 27%-37% เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 1.2-1.5 หมื่นล้าน และคาดว่าในเดือนมีนาคมนี้จะเป็นเดือนที่ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภูเก็ตจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด นักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตน่าจะลดลงเหลือ 50% เท่านั้น เพราะนอกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดก็เป็นส่วนสำคัญในการทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางมากขึ้นด้วย
จากผลกระทบดังกล่าว ทางฝ่ายวิจัยฯ จึงได้ตั้งสมมติฐานถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในรอบ 7 เดือน นับจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2563 นี้ ซึ่งการวิจัยดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานที่คาดว่านักท่องเที่ยวชาติต่างๆ จะเริ่มทยอยกลับเข้ามาภูเก็ตบ้างแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนหรือพฤษภาคม และยึดหลักผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เข้าภูเก็ตผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตลดลงเหลือร้อยละ 50 ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นเดือนที่ผู้โดยสารระหว่างประเทศเข้ามาภูเก็ตน้อยที่สุด
ผลการวิจัยระบุว่า ภูเก็ตจะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 6.7-7.0 หมื่นล้านบาท จากการหายไปของนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติ ส่งผลกระทบต่อ GDP ของภูเก็ต 3.4-3.6 หมื่นล้านบาท ความเสียหายในส่วนของการจ้างแรงงาน 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท สภาพคล่องของผู้ประกอบการเสียหายไม่ต่ำกว่า 1.9-2.0 หมื่นล้านบาท จาก 6 ธุรกิจหลักทางการท่องเที่ยวของภูเก็ต และอุตสาหกรรมต้นน้ำที่สนับสนุนการท่องเที่ยวของภูเก็ตได้รับผลกระทบ โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด คือ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก 1.9-2.0 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่ม 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ภาคการขนส่งทางบกและทางน้ำ เสียหายกว่าไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านบาท ชอปปิ้ง สถานบันเทิง และที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
“ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของภูเก็ตในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคมนี้ ไม่น่าจะต่ำกว่า 6-7 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ได้แตกต่างจากผลกระทบในช่วงที่สึนามิถล่มใส่เกาะภูเก็ต เมื่อปี 2547 การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เสมือนหนึ่งสึนามิลูกย่อมๆ ถล่มใส่เกาะภูเก็ตอีกครั้งหนึ่ง” ดร.ชยานนท์ กล่าวและว่า
ความเสียหายต่อเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมเป็นข้อบ่งชี้ว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจปลายน้ำของหลายอุตสาหกรรม เฉพาะการลดลงของรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตจังหวัดเดียว ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต้นน้ำเป็นมูลค่าระหว่าง 5.2-7.1 พันล้าน และมูลค่าผลกระทบดังกล่าวกระจายตัวไปทั้งประเทศ
ดร.ชยานนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากการแพร่ระบาดยืดยาวออกไปอีก ผลกระทบก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามระยะเวลาการแพร่ระบาด อาจจะแสนล้านบาทก็เป็นไปได้ หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งให้การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการต่างๆ มาให้การช่วยเหลือบ้างแล้ว แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ ผู้ประกอบการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ ในส่วนของรถบัส รถแท็กซี่ ที่รับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นรายบุคคล เกรงว่าหากผลกระทบเกิดขึ้นในระยะยาว ผู้ประกอบการกลุ่มนี้อาจจะไม่สามารถที่จะประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ เมื่อนักท่องเที่ยวกลับมารอบใหม่ ภูเก็ตอาจจะไม่มีรถหรือเรือให้บริการนักท่องเที่ยวก็เป็นไปได้