เพจดังแฉวิทยาลัย จ.พัทลุงนำนักศึกษาซ่อมในค่ายทหาร จัดกิจกรรมไม่สร้างสรรค์

 
พัทลุง - เพจกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท แฉ! วิทยาลัยใน จ.พัทลุง พานักศึกษาเข้าค่ายทหารซ่อมวิชากิจกรรม เก็บเงินคนละ 650 บาท สั่งตัดสกินเฮดมาจากบ้าน จับนั่งท้ายรถก่อนอัดควันดำใส่หน้า โซเชียลแบ่งเป็น 2 ฝ่ายทั้งสนับสนุน-ไม่เห็นด้วยกับค่ายแบบนี้ ซัดคนหนุนไม่เข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ สุดท้ายก็ทำผิดซ้ำซาก

วานนี้ (10 มี.ค.) เพจกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ได้โพสต์ภาพโดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 5-7 มี.ค. วิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง ได้จัดกิจกรรม “ค่ายธำรงวินัย สร้างเด็กอาชีวะ ใจคุณธรรม” ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นค่ายที่จัดขึ้นเพื่อซ่อมกิจกรรมสำหรับนักศึกษา ปวช. และ ปวส.ที่ไม่ผ่านวิชากิจกรรม โดยเรียกเก็บเงินค่าค่ายคนละ 650 บาท นักศึกษาชายที่จะเข้าค่ายทุกคนต้องตัดผมเกรียนหรือทรงสกินเฮดมาจากบ้าน หากไม่ทำ อาจารย์จะเป็นผู้โกนให้ และภายในค่ายมีการจัดกิจกรรมไม่สร้างสรรค์ เช่น การเร่งเครื่องยนต์รถเพื่อให้ควันดำทะลักออกมาจากท่อไอเสียปะทะใส่หน้าของนักศึกษา โดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ของกิจกรรมประเภทนี้

“จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นภายในค่าย กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ขอประณามวิทยาลัยแห่งนี้ พานักศึกษาซึ่งเป็นพลเรือนไปฝึกวินัยในค่ายทหา และปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สถานศึกษาควรเป็นสถานที่บ่มเพาะวิชาความรู้ สร้างพลเรือนให้เป็นปัญญาชน หวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และตระหนักได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับนักศึกษาซึ่งจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ”

กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ยังระบุว่า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 65 บัญญัติไว้ว่า หากนักเรียนทำผิดจะต้องลงโทษตามกฎกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น ซึ่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยวิธีการลงโทษนักเรียนนักศึกษา ระบุวิธีลงโทษไว้เพียง 4 วิธี คือ (1) ว่ากล่าวตักเตือน (2) ทำทัณฑ์บน (3) ตัดคะแนนความประพฤติ และ (4) ทำกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ในข้อที่ 6 ของระเบียบดังกล่าวยังห้ามลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือกลั่นแกล้ง โดยต้องคำนึงถึงอายุของนักเรียนนักศึกษา และความร้ายแรงของความผิดเป็นสำคัญ การลงโทษที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น เป็นความผิดทางวินัยครู การอ้างว่าเหตุการณ์ในข่าวเป็นการทำโทษ จะทำให้ครูมีความผิดทันทีฐานละเมิดกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ

 


 
ทั้งนี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้ามาแชร์เรื่องราวดังกล่าวและแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น มีนักศึกษาของวิทยาลัยดังกล่าวมาให้ข้อมูลเพิ่มว่า มีการตรวจหน้าด้วย หากใครหน้าไม่ดำให้เอาสีดำที่ท่อมาทาหน้า ซึ่งนักศึกษาบางคนก็มาแย้งว่า เด็กกลุ่มนี้ล้างสีที่หน้าออก ซึ่งค่ายบอกไว้ก่อนแล้วว่า ห้ามให้สีที่หน้าหลุด ถ้าหลุดให้เอาสีดำจากท่อรถ ไม่ได้ให้เอาหน้าไปอยู่ที่ท่อเพื่อให้ไอเสียปะทะที่หน้า เป็นการโพสต์ให้สถาบันเสียหาย

นอกจากนี้ ยังมีผู้มาแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุนการจัดค่ายในลักษณะนี้ โดยฝ่ายที่เห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่อ้างว่าได้ไปเข้าค่ายนี้บอกว่า ไม่นึกโกรธ อย่างมากก็แค่เหนื่อย เป็นการฝึกระเบียบวินัย ได้รู้จักเพื่อน ได้ความสามัคคี กลับมายังนั่งหัวเราะกันอยู่

ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วย ระบุว่า การศึกษาที่ดีไม่ควรมีแบบนี้ หากจะซ่อมกิจกรรมน่าจะทำอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ เช่น ไปบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ บ้างก็แย้งคนที่เห็นด้วยว่า คนพวกนี้ไม่เข้าใจคำว่า สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ โดนตัดผมทรงเดียวกับนักโทษยังไม่รู้ตัวว่าโดนละเมิดสิทธิ เหมือนเป็นเรื่องเท่ สุดท้ายก็ทำผิดซ้ำซาก ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนคนไร้ประสิทธิภาพ พวกนี้เมื่อมาอยู่ในองค์กรที่ขนาดใหญ่จะทำให้องค์กรขาดประสิทธิภาพและพื้นฐานขององค์กรมีความเสี่ยงในการทำงาน เช่น ระบบงานราชการ บริษัท และอื่นๆ แล้วบางคนแก้กิจกรรมทุกปี

“ถ้ามันสร้างระเบียบวินัยจริง คนแก้แถวมันก็ไม่เกิน 100 คน และส่วนใหญ่มันก็หน้าเดิมๆ ฝากไว้ให้คิดนะครับ วินัยสร้างด้วยจิตสำนึกของตัวท่านเอง มันไม่สามารถสร้างมาด้วยการบีบบังคับ และขอให้ทุกท่านที่อ่านจงรักษาสิทธิของตัวเองไว้ และไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น”

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้ปกครองนักเรียนกลุ่มดังกล่าว ได้ยอมรับว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง