xs
xsm
sm
md
lg

“เบตง” เมืองต้นแบบการท่องเที่ยว ศอ.บต.ผลักดันท่องเที่ยวชุมชนให้เข้มแข็ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ยะลา - “เบตง” เมืองต้นแบบการท่องเที่ยว เผยสร้างรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในทุกปี ศอ.บต.เตรียมผลักดันท่องเที่ยวชุมชนให้เข้มแข็ง เตรียมพร้อมรับสนามบินเบตง และสกายวอล์กชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวงกลางปีนี้

อ.เบตง จ.ยะลา เป็นอำเภอหนึ่งในโครงการสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของรัฐบาล ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 (ปี พ.ศ.2560-2563) เพื่อต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมให้แก่พื้นที่ 3 อำเภอในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการขับเคลื่อนงานทุกมิติ โดย อ.เบตง เป็นเมืองต้นแบบการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการท่องเที่ยว เพื่อขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ จึงเกิดโครงการมากมายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น โครงการสนามบินเบตง โครงการจุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หรือสกายวอล์ก โครงการชุมชนท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ จากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ด้านการท่องเที่ยวจังหวัดยะลา ณ วันที่ 15 มกราคม 2562 เมื่อปี 2559 มีรายได้จากการท่องเที่ยว 2,886.29 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 3,145.57 ล้านบาท อัตราเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8.98 เปอร์เซ็นต์ และปี 2561 มีรายได้ 3,443.17 ล้านบาท อัตรารายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2560 อยู่ที่ 9.44 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเห็นว่ามีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี

พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า “เบตง” มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ขณะนี้ อ.เบตง เจริญเติบโตอย่างมาก จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเยือนอย่างต่อเนื่อง วันนี้แม้การเดินทางมาเบตงยังใช้เวลานาน แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เดินทางมาค่อนข้างมาก

ศอ.บต. ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาล ได้พยายามผลักดันในการส่งเสริมให้เมืองเบตงเป็นต้นแบบในมิติด้านการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาเพื่อพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และคาดว่าหลังจากที่มีการเปิดใช้สนามบินเบตง ในเดือนมิถุนายน 2563 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 1 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี
 


 
ด้าน นายซุลกิฟลี จะปะกิยา ผู้แทนกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนฆูนุงซิลิปัต อ.เบตง จ.ยะลา ให้สัมภาษณ์ว่า ในการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มท่องเที่ยวชุมชน เพราะเห็นความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนได้ โดยจะมีการบริหารจัดการในการตั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนฆูนุงซิลิปัต มีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุน และเติมเต็มในเรื่องต่างๆ ทั้ง อบต.อัยเยอร์เวง และ ศอ.บต. ทำให้สถานที่แห่งนี้สามารถสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกภายในกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนฆูนุงซิลิปัต ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อคน และยังเป็นการสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่อีกด้วย

ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซีย และประเทศใกล้เคียง ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวชุมชนฆูนุงซิลิปัตแห่งนี้ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 100 คนต่อวัน โดยมีค่าใช้บริการ 800 คน อย่างไรก็ตาม ถ้าสนามบินเบตง และสกายวอล์กแล้วเสร็จ จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จะทำให้คนในชุมชนเข้มแข็งขึ้น มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วน นายซูไฮมี มีน กรรมการกลุ่มบ่อน้ำร้อนนากอ อ.เบตง จ.ยะลา ให้สัมภาษณ์ว่า บ่อน้ำร้อนนากอ เดิมเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และมีสภาพทรุดโทรม แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยได้รับความร่วมมือจาก ศอ.บต. และชาวบ้านในพื้นที่มาช่วยกันซ่อมแซม และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งการเตรียมความพร้อมจะมีการกระจายนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเกิดความเข้มแข็ง มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้นที่มาจากการค้าขาย การเปิดโฮมสเตย์ และการนำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยว

คิดว่าในอนาคตจะนำไผ่จากโครงการส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสาน การปลูกไผ่เศรษฐกิจ พืชแห่งอนาคตจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาปลูกที่บริเวณแห่งนี้ รวมถึงสร้างโฮมสเตย์ และเฟอร์นิเจอร์ด้วยไม้ไผ่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม บ่อน้ำร้อนนากอ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมนี้ เพื่อทำให้แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นที่รู้จักแก่คนใน และนอกพื้นที่มากยิ่งขึ้นต่อไป
 


 
ขณะที่ นายอนุสนธิ์ มงคลสกุลฤทธิ์ วิศวกรโครงการสร้างสกายวอล์กเบตง เปิดเผยว่า จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง (สกายวอล์ก) มีความคืบหน้าไปแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเป็นสกายวอล์กที่มีทางเดินยื่นออกไปจากหน้าผาประมาณ 61 เมตร พร้อมทั้งมีระเบียงกระจกให้นักท่องเที่ยวได้ชมหมอก มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต และที่สำคัญสามารถมองเห็นหมอกได้ตลอดทั้งปี จะแล้วเสร็จตามโครงการในเดือนมิถุนายนนี้ แต่อาจจะล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากมีการสั่งวัสดุในการก่อสร้างสกายวอล์กมาจากประเทศจีน ซึ่งขณะนี้เกิดการแพร่กระบาดของ Covid-19 ที่ประเทศจีน ทำให้ไม่สามารถขนส่งสินค้าออกนอกประเทศได้ เพราะอยู่ในกระบวนการเฝ้าระวัง และติดตามโรคดังกล่าว แต่ยืนยันว่าจะแล้วเสร็จในกลางปีนี้ เชื่อว่าถ้าสกายวอล์กแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของประเทศ และจะเป็นสกายวอล์กที่ยาวที่สุดในเอเชีย

อย่างไรก็ตาม ศอ.บต. ได้ขับเคลื่อน และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผ่านนโยบายของรัฐบาลในโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนา และช่วยแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า เพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้เป็นที่รู้จัก สามารถทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเกิดความสันติสุขอย่างยั่งยืน
 


กำลังโหลดความคิดเห็น