ยะลา - ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ เชื่อการลาออกของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีผลกระทบต่อการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ที่จะมีขึ้นเดือนหน้าอย่างแน่นอน
วันนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี ประเทศมาเลเซีย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเบอร์ซาตู เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (24 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดแต่อย่างใดตามข่าว
โดย นายรักชาติ สุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ตอนแรกพอมีการประกาศลาออกของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คิดว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อการพูดคุยบ้าง บวกกับมิติทางการเมืองบ้านเราด้วยว่าจะไปได้ขนาดไหน ก็อยู่ในช่วงของการอภิปราย ทั้งไทยและมาเลเซีย ถ้าการเมืองยังไม่เสถียรหรือยังเดินต่อกันไม่ได้คิดว่าในเรื่องของการพูดคุยก็อาจจะมีปัญหา
ประเด็นก็คือ ตอนนี้ที่ทราบเท่าที่ตามข่าวกันมามีการแต่งตั้ง นายมหาธีร์ ให้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี ตนคิดว่าถ้า นายมหาธีร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยเหมือนกันว่าในเรื่องของการพูดคุยก็คงทำต่อ ยังเดินต่อ ก็เลยมองว่าจำเป็นที่จะต้องรอดูเดือนหน้า เพราะมีข่าวออกมาแล้วว่าจะมีการพูดคุยอีกครั้งที่มาเลเซีย โดยที่มีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
นายรักชาติ สุวรรณ ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ยังเผยว่า คณะพูดคุยของไทยขณะนี้มีความพร้อม แต่ว่าการพูดคุยเดือนหน้านี้ออกเป็น TOR เรียบร้อยหรือไม่ ถ้าออกมาเรียบร้อยก็คิดว่าน่าจะเดินหน้าต่อได้ น่าจะมีประเด็นที่ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมได้ คิดว่าการพูดคุยก็ยังมี นายมหาธีร์ ทำหน้าที่ต่อ ที่เป็นห่วงตอนนี้ในเรื่องของกองกำลังในพื้นที่เองที่มีการเอาคืนกันบ้าง ที่มีการทำกับชาวบ้าน ทำกับผู้บริสุทธิ์ ที่เรียกว่าเป้าหมายอ่อนแอบ้าง เป้าหมายพลเรือนบ้าง อันนี้น่าเป็นห่วง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างคือ บีอาร์เอ็นตัวจริง ขึ้นเวทีพูดคุยและจะมีเหตุขึ้นในพื้นที่ ต้องมีประเด็นอะไรสักอย่าง แล้วเหตุภายในพื้นที่เองล่าสุดที่เกิดขึ้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา สามารถมองได้ว่าบริเวณแถวนั้นเป็นพื้นที่ของกองกำลัง ก็มองตามสูตรของมันอยู่แล้วว่ามีการปิดล้อม มีการวิสามัญ มิติของการเอาคืนต้องมาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอยากจะเรียกร้องว่าในมิติของการเอาคืนกับคู่ต่อสู้ที่ถืออาวุธด้วยกัน ชาวบ้าน เด็ก ล่าสุดก็มีเด็กด้วยและเป้าหมายอ่อนแอควรจะยกเว้นไม่ควรที่จะมีการก่อเหตุกับกลุ่มพวกนี้