กระบี่ - ญาติเตรียมทำบุญครบรอบ 3 ปี ให้ผู้เสียชีวิตในคดีฆ่าล้างครัว 8 ศพ ที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่อดีตพ่อตาผู้ตายยังกังวลบ้านจะถูกยึด ด้านทนายความ เผยยังมีผู้อยู่เบื้องหลังบังฟัต เกี่ยวข้องกับที่ดินที่มีความขัดแย้ง
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นายจรีย์ บุตรเติบ อดีตพ่อตาของนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง ที่ถูกนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ “บังฟัต” และพวกสังหารโหด พร้อมลูก ภรรยา และญาติรวม 8 ศพ ภายในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อเดือน ก.ค.2560 ได้เปิดบ้านหลังที่เกิดเหตุเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบริเวณภายในบ้าน และจัดเตรียมสถานที่เตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี โดยจะทำพิธีในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.63) ขณะที่นายจรีย์ ยังคงกังวลว่า บ้านที่อาศัยอยู่ รวมทั้งบ้านที่เกิดเหตุกำลังจะถูกธนาคารยึดในไม่ช้านี้
นายจรีย์ กล่าวว่า แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปนานกว่า 3 ปี แต่สภาพจิตใจของตนยังไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งนานวันยิ่งเจ็บปวด เพราะยังมีความกังวลอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์เป็นต้นมา เพราะตนต้องดูแลรับผิดชอบคนที่รอดชีวิต ทั้งลูกและหลานรวม 7 ชีวิต ความเป็นอยู่ของครอบครัวลำบากมาก โดยเฉพาะเรื่องบ้านของตนที่ทางธนาคารประกาศยึดทรัพย์บ้านพร้อมที่ดินรวม 2 หลัง คือ บ้านหลังที่เกิดเหตุ และบ้านที่ตนอาศัยอยู่อีกหลัง เพื่อขายทอดตลาด ที่ผ่านมาได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังหลายหน่วยงาน ล่าสุด ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่ผ่านไปประมาณ 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ติดตามทวงถามไปหลายรอบ ล่าสุด ต้องขายวัวที่เลี้ยงไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปติดตามทวงถามแต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
“ยิ่งนานวัน ทำให้ยิ่งทุกข์ใจขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ยึดมั่นตามหลักคำสอนศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดแล้ว ตนก็คงจะฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้จะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น” นายจรีย์ กล่าวในที่สุด
ด้าน นายสมนึก ภัทรลิขิต ทนายความของนายจรีย์ กล่าวว่า ในส่วนของที่ดินของนายจรีย์ ที่ถูกบังคับยึดทรัพย์นั้น ตนได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ชั่วคราวไว้แล้ว เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับจำเลยในคดีอาญา คือ นายซูริก์ฟัต ซึ่งถูกศาลตัดสินประหารชีวิต และขณะที่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินของนายจรีย์ ที่มีการนำไปขายฝากให้นายซูริก์ฟัต นั้น ปรากฏว่า มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องธุรกิจรับขายฝากที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีหลักฐานว่าบุคคลดังกล่าวได้มอบอำนาจให้นายซูริก์ฟัต เป็นผู้ทำธุรกรรมขายฝากที่ดินแทน
"อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่ความขัดแย้ง จนนำมาสู่การก่ออาชญากรรมในคดีฆ่าล้างครัว 8 ศพ และจากหลักฐานในคดีหมายเลขดำที่ ผบ.6152/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.543/2560 พบว่า บุคคลดังกล่าวตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีความแพ่งที่ทางธนาคารฟ้องกรณีผิดสัญญาชำระค่าที่ดินของลูกค้าขายฝากที่บุคคลดังกล่าวนำไปจำนองไว้กับธนาคาร โดยมีนายซูริก์ฟัต เป็นจำเลยที่ 2 จึงเชื่อว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงกัน โดยนายซูริก์ฟัต ทำงานให้บุคคลดังกล่าว เงินที่ลูกหนี้ผ่อนชำระค่าที่ดินขายฝากกับนายซูริก์ฟัต ก็จะถูกโอนให้บุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้ชำระให้แก่ธนาคาร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอต่อศาลพิจารณาต่อไป"
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ต่อเนื่องวันที่ 11 ก.ค.2560 นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี พร้อมพวกรวม 8 คน แต่งกายชุดคล้ายทหาร บุกเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง พร้อมครอบครัวและญาติรวม 11 คน ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง จากนั้นใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธ จ่อยิงศีรษะทีละคน สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธ นำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต เมื่อนายวรยุทธ ได้นำเงินไปผ่อนชำระกับนายซูริก์ฟัต จนครบ แต่นายซูริก์ฟัต กลับนำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้
มีการทวงถามกันหลายครั้งกลายเป็นความบาดหมางรุนแรง นายซูริก์ฟัต จึงวางแผนก่อเหตุ แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ รวม 8 คน ซึ่งล่าสุด ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินประหารชีวิตนายซูริก์ฟัต และพวก รวม 7 คน และจำคุก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลฎีกา
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นายจรีย์ บุตรเติบ อดีตพ่อตาของนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง ที่ถูกนายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือ “บังฟัต” และพวกสังหารโหด พร้อมลูก ภรรยา และญาติรวม 8 ศพ ภายในบ้านหลังดังกล่าว เมื่อเดือน ก.ค.2560 ได้เปิดบ้านหลังที่เกิดเหตุเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบริเวณภายในบ้าน และจัดเตรียมสถานที่เตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต เนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ปี โดยจะทำพิธีในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.63) ขณะที่นายจรีย์ ยังคงกังวลว่า บ้านที่อาศัยอยู่ รวมทั้งบ้านที่เกิดเหตุกำลังจะถูกธนาคารยึดในไม่ช้านี้
นายจรีย์ กล่าวว่า แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปนานกว่า 3 ปี แต่สภาพจิตใจของตนยังไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งนานวันยิ่งเจ็บปวด เพราะยังมีความกังวลอยู่หลายเรื่อง ตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์เป็นต้นมา เพราะตนต้องดูแลรับผิดชอบคนที่รอดชีวิต ทั้งลูกและหลานรวม 7 ชีวิต ความเป็นอยู่ของครอบครัวลำบากมาก โดยเฉพาะเรื่องบ้านของตนที่ทางธนาคารประกาศยึดทรัพย์บ้านพร้อมที่ดินรวม 2 หลัง คือ บ้านหลังที่เกิดเหตุ และบ้านที่ตนอาศัยอยู่อีกหลัง เพื่อขายทอดตลาด ที่ผ่านมาได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังหลายหน่วยงาน ล่าสุด ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม แต่ผ่านไปประมาณ 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ติดตามทวงถามไปหลายรอบ ล่าสุด ต้องขายวัวที่เลี้ยงไว้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปติดตามทวงถามแต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
“ยิ่งนานวัน ทำให้ยิ่งทุกข์ใจขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ยึดมั่นตามหลักคำสอนศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดแล้ว ตนก็คงจะฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ตอนนี้แม้จะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็เหมือนกับตายทั้งเป็น” นายจรีย์ กล่าวในที่สุด
ด้าน นายสมนึก ภัทรลิขิต ทนายความของนายจรีย์ กล่าวว่า ในส่วนของที่ดินของนายจรีย์ ที่ถูกบังคับยึดทรัพย์นั้น ตนได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ชั่วคราวไว้แล้ว เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับจำเลยในคดีอาญา คือ นายซูริก์ฟัต ซึ่งถูกศาลตัดสินประหารชีวิต และขณะที่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินของนายจรีย์ ที่มีการนำไปขายฝากให้นายซูริก์ฟัต นั้น ปรากฏว่า มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องธุรกิจรับขายฝากที่ดินดังกล่าว ซึ่งมีหลักฐานว่าบุคคลดังกล่าวได้มอบอำนาจให้นายซูริก์ฟัต เป็นผู้ทำธุรกรรมขายฝากที่ดินแทน
"อาจจะเป็นสาเหตุที่นำมาสู่ความขัดแย้ง จนนำมาสู่การก่ออาชญากรรมในคดีฆ่าล้างครัว 8 ศพ และจากหลักฐานในคดีหมายเลขดำที่ ผบ.6152/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.543/2560 พบว่า บุคคลดังกล่าวตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีความแพ่งที่ทางธนาคารฟ้องกรณีผิดสัญญาชำระค่าที่ดินของลูกค้าขายฝากที่บุคคลดังกล่าวนำไปจำนองไว้กับธนาคาร โดยมีนายซูริก์ฟัต เป็นจำเลยที่ 2 จึงเชื่อว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงกัน โดยนายซูริก์ฟัต ทำงานให้บุคคลดังกล่าว เงินที่ลูกหนี้ผ่อนชำระค่าที่ดินขายฝากกับนายซูริก์ฟัต ก็จะถูกโอนให้บุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้ชำระให้แก่ธนาคาร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอต่อศาลพิจารณาต่อไป"
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ต่อเนื่องวันที่ 11 ก.ค.2560 นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี พร้อมพวกรวม 8 คน แต่งกายชุดคล้ายทหาร บุกเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง พร้อมครอบครัวและญาติรวม 11 คน ที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 บ้านเขางาม ต.บ้านกลาง จากนั้นใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธ จ่อยิงศีรษะทีละคน สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธ นำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต เมื่อนายวรยุทธ ได้นำเงินไปผ่อนชำระกับนายซูริก์ฟัต จนครบ แต่นายซูริก์ฟัต กลับนำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้
มีการทวงถามกันหลายครั้งกลายเป็นความบาดหมางรุนแรง นายซูริก์ฟัต จึงวางแผนก่อเหตุ แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ รวม 8 คน ซึ่งล่าสุด ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินประหารชีวิตนายซูริก์ฟัต และพวก รวม 7 คน และจำคุก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลฎีกา