xs
xsm
sm
md
lg

จริงหรือมั่ว! หลังตัวแทน BRN ยอมรับพร้อมนั่งโต๊ะ “พูดคุยสันติภาพ” กับรัฐบาลไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ปัตตานี - จริงหรือมั่ว! ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้เริ่มจะสับสน หลังตัวแทนจากกลุ่ม BRN ออกมายอมรับ พร้อมร่วมนั่งโต๊ะ “พูดคุยสันติภาพ” กับรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ

ความคืบหน้าจากกรณีมีการออกอากาศแพร่ข่าวทางทีวีหลายช่องของประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะการไลฟ์สดทางโซเชียลมีเดีย ที่มี นายอนัส อับดุลเราะห์มาน ตัวแทนของกลุ่มผู้มีความคิดต่างจากรัฐไทย ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากกลุ่ม BRN ออกมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมาเลเซียว่า กลุ่ม BRN ยอมนั่งโต๊ะ “พูดคุยสันติภาพ” เพื่อสร้างความสงบสุขกลับสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก พร้อมด้วยตัวแทนจาก EU เข้าร่วมสังเกตการณ์ และการแถลงข่าวในครั้งนี้ ณ โรงแรมปาลิงค์จายา กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมี ดาโต๊ะตันสรี อับดุลราฮิม โมฮัมหมัด นอร์ ผู้อำนวยความสะดวก ตัวแทนรัฐบาลมาเลเซีย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข ตัวแทนจากรัฐบาลไทย เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้

ภายหลังจากการแถลงข่าว ทำให้มีปฏิกิริยาของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างว่า เป็นตัวแทนของ BRN จริงหรือไม่ แล้วทำไมเจตนารมณ์ของกลุ่ม BRN เดิม มีความแตกต่างกันอย่างไร สิ่งที่คนในพื้นที่พูดถึงมากที่สุด คือ ตัวแทนเดิมๆ ก่อนหน้านี้ ทำไมถึงไม่ออกมาแถลงการณ์ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม บางสำนักข่าวระบุว่า “แหล่งข่าวอ้างว่า นายอนัส อับดุลเราะห์มาน ถือเป็นผู้นำจิตวิญญาณที่ได้รับการยอมรับของผู้คิดต่าง หรือสมาชิกกลุ่มขบวนการปลดปล่อยปัตตานี โดยเฉพาะเยาวชน เคยเป็นอดีตอุสตาซ หรือครูสอนศาสนาที่ได้รับการนับถือจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีบทบาทสำคัญในขวบวนการ BRN เชี่ยวชาญหลายภาษา เพราะจบการศึกษาจากประเทศอินโดนีเซีย และอียิปต์”

ขณะที่บางสำนักข่าวได้ออกมาตีแผ่ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายความมั่นคง พบว่า นายอนัส อับดุลเราะห์มาน น่าจะเป็นคนเดียวกับ นายฮีฟนี มะเร๊ะ หรือ “เปาะซูฮีฟนี” หรือ “อุสตาซฮีฟนี” เป็นอดีตอุสตาซ หรือครูสอนศาสนาของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มี นายสะแปอิง บาซอ เป็นอดีตครูใหญ่

ฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย เชื่อว่า นายสะแปอิง เป็นอดีตผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่ม BRN ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปี 2560 แฟ้มประวัติของนายฮีฟนี เกิดเมื่อปี 2509 ปัจจุบันอายุ 53 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน โดยตัวของนายฮีฟนี มีครอบครัวแล้ว และมีบุตรสาว 4 คน

นายฮีฟนี จบการศึกษาจากประเทศอินโดนีเซีย และมีหมายจับของศาลจังหวัดยะลา ที่ 5477/2547 ลงวันที่ 14 ธ.ค.2547 ในความผิดฐานร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรฯ ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงระบุด้วยว่า เขามีความเกี่ยวพันกับเหตุรุนแรงหลายเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปีแรกที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง หลังปฏิบัติการปล้นปืนครั้งมโหฬารเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 จากนั้นเขาก็หลบหนีหมายจับไปพำนักอยู่ในประเทศมาเลเซีย

นายฮีฟนี เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จ.ยะลา เป็นเจ้าของปอเนาะ และเคยเป็นอิหม่ามมัสยิดใน ต.อาซ่อง อ.รามัน มีบทบาทในการถ่ายทอดแนวคิดต่อต้านรัฐให้แก่กลุ่มเยาวชน ปัจจุบันมีสถานะเป็น “หัวหน้าฝ่ายการเมือง” ในสมาชิกองค์กรนำของ BRN แต่อยู่ในระดับ DPK ซึ่งหมายถึง “สภาจัดตั้งเขต” หรือ “สภาบริหารเขต” ถือเป็นผู้นำระดับกลางค่อนข้างสูง แต่ยังไม่ถึงขั้นอยู่ใน “สภาอำนวยการ” หรือ “สภาองค์กรนำสูงสุด”
 


 
ล่าสุด ได้มีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดียถึงข้อเรียกร้อง หลังจากมีการออกมายอมรับของตัวแทน BRN เมื่อวานนี้ โดยได้มีแถลงการณ์ที่ใช้ชื่อว่า “THE PATANI” แถลงการณ์เรื่อง การกำหนดท่าทีทางการเมืองของฝ่ายมลายูปาตานี ระบุว่า..

กระบวนการเจรจาสันติภาพที่เกิดขึ้นระหว่างขบวนการปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (Barisan Revolusi Nasional-Melayu Patani : B.R.N.) กับตัวแทนรัฐบาลไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา สร้างความกังวลต่อชาวปาตานีที่ให้การยอมรับ ให้ความไว้วางใจต่อการนำการต่อสู้ทางการเมืองว่าด้วยสิทธิในการเป็นเอกราชของชนชาติ และสถานะการสถาปนาเป็นตัวแทนของชาวมลายูปาตานี (Representative of the nation) ที่นำเจตจำนงสูงสุดทางการเมือง

B.R.N. เป็นขบวนการติดอาวุธที่ต่อต้านการยึดครองของสยาม หรือรัฐไทยในปัจจุบันมาโดยตลอด และได้รับการสนับสนุนจากชาวปาตานี ในฐานะขบวนการเอกราชที่โอบอุ้มความหวังของชาวปาตานีที่ต้องการเอกราช การเข้าร่วมการพูดคุยสันติสุขที่ปราศจากเจตจำนงสำคัญในการเจรจาทางการเมือง เพื่อการคืนสิทธิเสรีภาพในการกำหนดอนาคตตนเอง มิได้ถูกรับรองเป็นวาระแห่งชาติ โดยกระบวนการทางรัฐสภา และไม่มีการพิจารณาเงื่อนไขข้อเรียกร้องใดๆ ของฝ่ายปาตานีซึ่งมีก่อนหน้านี้ ก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อท่าทีทางการเมืองของฝ่ายปาตานี

The Patani ในฐานะกลุ่มปฏิบัติการทางการเมือง (Political action group) ที่เคลื่อนไหวขับเคลื่อนเพื่อการกำหนดอนาคตทางการเมืองของตนเอง มีความเป็นห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสันติภาพ ว่าเป็นกลไกสำคัญในการหาทางออกจากความขัดแย้งที่มีการขัดกันด้วยอาวุธ (Armed conflict) และยึดถือคุณค่าประชาธิปไตย จึงมีข้อเสนอเรียกร้องต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.B.R.N. ต้องสื่อสารกับประชาชนชาวปาตานี ในฐานะเจ้าของวาระการต่อสู้เพื่อสิทธิในการเป็นเอกราช ว่าการเข้าร่วมการพูดคุยสันติสุขกับรัฐไทยนั้น ด้วยเหตุผลใด, B.R.N. ยังคงยืนหยัดตามถ้อยแถลงอันเป็นสัจจะวาจา (Commitment) ที่เคยให้ไว้กับชาวปาตานีก่อนหน้านี้หรือไม่

2.แม้นว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นมิได้อยู่บนพื้นฐานหลักการประชาธิปไตย, The Patani ขอให้ชาว ปาตานีอดทนอดกลั้น (Tolerant) เปลี่ยนความไม่ไว้วางใจไปสู่การติดตามตรวจสอบ เพื่อสร้างความโปร่งใสร่วมกัน เพราะอนาคตของเรามิควรมอบหมาย หรือถูกกำหนดโดยวิธีการที่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของชะตากรรมที่แท้จริง

The Patani ขอยืนยันว่า เอกราชเป็นสิทธิของทุกชนชาติที่มีเจตจำนงทางการเมือง ประชาชนชาวปาตานีมีสิทธิ และเสรีภาพในการแสดงความคิดความเห็นต่ออนาคตทางการเมืองของชนชาติตน

อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
“วัลลภ” ส่งทีมคุยลับ “BRN ฮาร์ดคอร์” ที่เยอรมนี หน้าฉากเจรจา “มาราปาตานี” ที่มาเลย์
 


กำลังโหลดความคิดเห็น