xs
xsm
sm
md
lg

เผยปรัชญา “เดินช้าๆ แต่มั่นคง” ของกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง ผู้ผลิตผ้ามัดย้อมสู่ระดับโกอินเตอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
โดย... กฤษณะ ทิวัตถ์สิริกุล

ที่บ้านคีรีวง หมู่ 4 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สถานที่ที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศ มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ บรรยากาศมีความสวยงาม ซึ่งในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ “บ้านคีรีวง” กันอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

ซึ่งนอกจากธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมี “กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง” ที่ผลิต “ผ้ามัดย้อม” โดยใช้สีธรรมชาติ เป็นอีกบทบาทหนึ่งของชาวบ้านในชุมชนที่รวมตัวกันสร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว โดยไม่ทำลายธรรมชาติ

ผลผลิตจากกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวงได้มีการพัฒนา และโกอินเตอร์ได้อย่างภาคภูมิใจ หลังจากสโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อย่าง “เลสเตอร์ ซิตี้” หรือทีม “จิ้งจอกสยาม” ทีมฟุตบอลของนักธุรกิจชาวไทย ได้ใช้เสื้อแจ็กเกตทำจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติของกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง ลงแข่งกับทีม “ลิเวอร์พูล” จนดังกระหึ่มไปทั่วโลกเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา

ซึ่งสีธรรมชาติที่นำมาย้อมผ้าได้มาจากใบไม้ เปลือกไม้ หรือผลไม้มาสกัด ย้อมผ้าฝ้ายที่มัดลายตามความชอบ โดยใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษาต้นไม้ เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตในชุมชน จนกลายเป็นสินค้าของประเทศไทยส่งออกไกลไปถึงต่างประเทศ
 


 
นางอุไร ด้วงเงิน อายุ 53 ปี ประธานกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวง หมู่ 4 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน เจ้าหน้าที่จาก “คิงเพาเวอร์” ได้ติดต่อเข้ามาให้ผลิตงานส่งให้เขา แต่สถานการณ์ตอนนั้นยังไม่พร้อมจึงไม่รับทำ แต่ก็ได้เตรียมการวางแผนต่อว่าจะสามารถรับงานนั้นได้หรือไม่ พร้อมหาทางแก้ปัญหาต่างๆ หากได้รับโอกาสอีกครั้ง

กระทั่งเมื่อกลางปี 2562 ทางดีไซเนอร์ของคิงเพาเวอร์ได้ติดต่อมาว่า เขาจะออกแบบแล้วให้เราผลิต หลังจากได้มีการพูดคุย และประเมินความเป็นไปได้ จึงมีความมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ ว่าสามารถทำได้ จึงตกลงรับงานของคิงเพาเวอร์

ส่วนผลตอบแทนที่ได้รับก็มีตามที่เรายื่นข้อเสนอไป เขาก็รับทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งคิงเพาเวอร์เขาอยากช่วยชุมชน อยากให้คนไทยมีโอกาส เนื่องจากหัตถกรรมของภาคใต้นั้นยากมากที่จะก้าวสู่ตลาดโลก เพราะเป็นกลุ่มเล็กๆ และมีข้อจำกัดหลายเรื่องในการรวมกลุ่มกัน จากจุดนี้เราจึงหาทางแก้ปัญหาล่วงหน้าก่อนจะมารับงานนี้ หลังรับงานแล้วก็มีการออกแบบไว้มากกว่า 10 แบบที่เรารับผลิต และจะมีออเดอร์ตามมาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีคอลเลกชันของบ้านคีรีวงไปอยู่ในร้านของคิงเพาเวอร์ด้วย ซึ่งมีสินค้าจำหน่ายทั้งในประเทศอังกฤษ และเมืองไทย
 


 
นางอุไร ได้บอกถึงความเป็นมาของกลุ่มใบไม้บ้านคีรีวงด้วยว่า ทำมาตั้งแต่ปี 2539 หลังกลับจากกรุงเทพฯ ก็หันมาทำสวน แต่รายได้ไม่พอต่อการดำรงชีพ ทำให้คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงมีแนวคิดทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ โดยเชิญอาจารย์คนหนึ่งจากภาคอีสานมาอบรม หลังจากนั้นจึงตั้งชื่อกลุ่ม “ใบไม้บ้านคีรีวง” ในปี 2541 ทำมาเรื่อยๆ พร้อมวางแผนระยะยาว คือ “เดินช้าๆ แต่มั่นคง” โดยมีชาวบ้านมารวมกลุ่ม มีฝ่ายย้อมผ้า ฝ่ายตัดเย็บ และฝ่ายงานทั่วไป ทุกอย่างมีกระบวนการมาช่วย ซึ่งทำมาร่วม 20 ปี จึงมีแนวคิดต่อไปว่า ผ้ามัดย้อมของกลุ่มใบไม้คีรีวงต้อง “โกอินเตอร์”

“เหมือนกับเด็กที่เรียนหนังสือ จบแล้วต้องรับปริญญา หรือการทำงานก็ต้องมีเป้าหมาย ทั้งงานที่ต้องให้คนรู้จัก และรายได้ แต่ละปีจะมีโครงการเรื่องพัฒนาเด็ก การศึกษาของเด็ก และงานวิจัยที่ออกมา 2-3 ปี จะร่วมกับมหาวิทยาลัยในการพัฒนาต่างๆ รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวด้วย ตนมองว่าชุมชนต่างๆ ถ้าทำการท่องเที่ยวแล้วไม่มีของที่ระลึกก็เป็นปัญหา ชาวบ้านไม่ได้อะไรเลย ดังนั้น บ้านคีรีวงต่างกับที่อื่น คือมีสถานที่ท่องเที่ยว มีของที่ระลึกคือผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว กลุ่มใบไม้บ้านคีรีวงยังมีการผลิตส่งต่างประเทศด้วย”
 


 
จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังวิกฤต เราก็ได้มองกลับมาว่าจะอยู่กันอย่างไร แต่ยังมีความคิดที่จะทำต่อไป คือเรื่องดีไซเนอร์ คนหนุ่มสาวที่จบมาในด้านนี้จะไปรับใช้บริษัทต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีโอกาสสร้างผลงานของตัวเองคู่กับงานชาวบ้าน ทำแต่ภาคอุตสาหกรรม ไม่มองชุมชน ไม่ได้เอาวัตถุดิบในชุมชนมาออกแบบเพื่อต่อยอดในระยะยาว ซึ่งเป็นงานหนึ่งที่ตนคิด และกำลังทำ

“ภูมิใจที่ทำให้สินค้าชุมชนของ จ.นครศรีธรรมราช เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป้าหมายไม่ใช่ตัวเงิน แต่เป็นการนำผลิตภัณฑ์สู่ระดับโกอินเตอร์ในนามนครศรีธรรมราช ที่เราได้ตั้งเป้า และถึงจุดนี้แล้ว” นางอุไร กล่าว
 




กำลังโหลดความคิดเห็น