ตรัง - ลูกสาวเจ้าของอู่ซ่อมรถ อ.รัษฎา เหยื่อคดีสังหารโหด ยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดตรัง ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ หวั่นความไม่ปลอดภัยของครอบครัว และเกรงอาจจะมีผลต่อการดำเนินคดี
จากกรณีที่ได้มีคนร้าย 2 คน สวมไอ้โม่งใช้อาวุธปืนพกสั้น และอาวุธปืนสงครามชนิดอาก้า ยิงถล่ม นายธวัชชัย กลับขันท์ อายุ 53 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ชาว อ.รัษฎา จ.ตรัง จนเสียชีวิตคารถกระบะส่วนตัว ส่วนนางอำภา กลับขันท์ ภรรยา และนายสมชาย สนมน้อย ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังกลับมาจากไปงานศพ เหตุเกิดบริเวณหน้าอู่ธวัชชัยการช่าง เลขที่ 152 หมู่ 1 ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง เมื่อคืนวันที่ 17 ธันวาคม 2562
กระทั่งต่อมา ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย นายจิราวุธ ศรีวิรัตน์ หรือโกยัง พี่ชายของนายกเทศมนตรีตำบลคลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง และยังเป็นเพื่อนกับผู้ตาย มีอาชีพขายอะไหล่รถยนต์ ซึ่งเป็นผู้จ้างวาน และนายสุชาติ จิตติศักดิ์ อดีตกำนันคนดัง ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ผู้รับงาน ผู้จัดหาทีมงาน ผู้สั่งการ ส่วนที่เหลือประกอบด้วย มือปืน คนชี้เป้า คนจัดหามือปืน และคนขับรถ
ล่าสุด วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดตรัง น.ส.อัมพวรรณ์ กลับขันท์ อายุ 29 ปี บุตรสาวของผู้ตาย พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางเข้ายื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดตรัง เพื่อขอคัดค้านการประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหา 6 จาก 7 คน ที่ตำรวจจับกุมได้ เนื่องจากล่าสุดได้ปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนไปแล้ว 1 คน เพราะผู้ต้องหาคนดังกล่าวถูกหลอกให้เปิดซิมโทรศัพท์มือถือให้ นายสมศักดิ์ กุศลสุข อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 1 ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นมือปืนรายสำคัญ โดยเป็นคนใช้อาวุธปืนพกสั้นร่วมยิงนายธวัชชัย ตามภาพที่วงจรปิดบันทึกได้ และเป็นผู้ต้องหามีหมายจับติดตัวในคดีในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช อีก 2 คดี แต่อยู่ระหว่างการหลบหนี และออกมาก่อเหตุซ้ำกับนายธวัชชัย ซึ่งขณะนี้ศาลจังหวัดตรังได้ออกหมายจับเพิ่มแล้วเป็นคนที่ 8 โดยทางลูกสาวผู้ตายระบุว่า เหตุที่ต้องเดินทางมายื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน เนื่องจากเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย พร้อมกับเรียกร้องให้ตำรวจจับคนร้ายที่เหลือให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดจัดเป็นผู้กว้างขวาง มีเงิน และมีอิทธิพล รวมทั้งมีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับนายตำรวจใหญ่นายหนึ่ง ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับบิ๊กตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมายาวนาน จึงทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่มีความมั่นใจ และได้เดินทางไปยื่นเรื่องต่อกองบังคับการปราบปราม เพื่อขอให้รับโอนคดีไปทำ เพราะไม่มั่นใจตำรวจท้องที่ หวั่นจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และครอบครัวจะไม่ปลอดภัย