สุราษฎร์ธานี - สุดระทึก! หนุ่มไทยอายุ 33 ปี เกิดคลุ้มคลั่งอาละวาด ขับรถจักรยานยนต์ตระเวนใช้มีดไล่เเทงนักท่องเที่ยวต่างชาติเจ็บ 2 ราย ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้พร้อมอาวุธมีด ยึดพืชใบกระท่อม แต่ไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนนักท่องเที่ยวรักษาตัวในห้องไอซียู
วันนี้ (17 ม.ค.) พ.ต.ท.เอกชัย สอนขำ สาวัตรสอบสวน สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งมีเหตุนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายร่างกายด้วยของมีคมบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณบนถนนหน้าวัดแหลมสุวรรณาราม บ้านปลายแหลม หมู่ 5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และรายงานให้ พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก. พ.ต.ท.มาโนช จันทร์เที่ยง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ชัชชีวิน นาคมูสิค สวป. พ.ต.ต.วรศักดิ์ อัครกุล สว.สส. และตำรวจสืบสวน แต่เมื่อไปถึงอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยวีอาร์วัดปลายแหลม ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสมุย ไปแล้ว ทราบชื่อคือ นายเลมเก เฮียส (mr.lemke heinz) อายุ 53 ปี สัญชาติเยอรมัน อาการสาหัส โดนแทงด้วยมีดปลายแหลมเข้าที่ชายโครงซ้ายทะลุปอด
ส่วนคนร้ายเป็นชายไทย หลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิกสีดำ ทะเบียน กยบ 932 สุราษฎร์ธานี หลบหนีไปยังหาดเฉวง และเมื่อไปถึงวงเวียนพรุเฉวง หมู่ 2 ตำบลบ่อผุด ผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง โดยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงนักท่องเที่ยว ทราบชื่อคือ นายเชอร์ลอฟ อีวาน อายุ 35 ปี สัญชาติรัสเซีย ถูกแทงเข้าที่ข้างหลังด้านขวา 1 แผล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสมุย ได้รับตัวไปรักษาแล้ว
ต่อมา ทาง ร.ต.อ.สวัสดิ์ ทัลวัลลิ์ รอง สวป.สภ.บ่อผุด พร้อมกำลังได้ทำการไล่ติดตามคนร้าย จนสามารถจับกุมเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายหนึ่งนริศ ปานมาศ อายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอำเภอเกาะสมุย ขณะผู้ต้องหาขับรถจักรยานยนต์หลบหนีขึ้นไปทางเขาหัวจุก หมู่ 2 ตำบลบ่อผุด พร้อมยึดอาวุธมีดปลายแหลมเปื้อนเลือด 1 เล่ม และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และพบใบกระท่อมในกระเป๋าอีกจำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบปากคำที่ สภ.บ่อผุด แต่ไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่อง พร้อมเอะอะโวยวาย จนเจ้าหน้าที่นำตัวไปขังไว้ในห้องขังเพื่อสงบสติอารมณ์
ล่าสุด อาการของนายเลมเก เฮียส วัย 53 ปี ชาวเยอรมัน อาการสาหัส ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ส่วนนายเชอร์ลอฟ อีวาน ชาวรัสเซีย บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์ทำแผลและอนุญาตให้กลับที่พักไปแล้ว และทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายหนึ่งนริศ ปานมาศ ผู้ต้องหา ในข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ ไปก่อน ไม่สามารถสอบปากคำผู้ต้องหาได้ เนื่องจากพูดจาไม่รู้เรื่อง และต้องรอสอบปากคำนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง