.
โดย.. พัชรี เกิดพรม
.

นอกจากจะมาส่งบุตรหลาน ผู้ปกครองหลายคนของโรงเรียนบ้านทุ่งพัฒนา หมู่ที่ 10 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล ยังสวมบทบาทครูสอนวิชาเกษตร โครงการจิตอาสาบ้านทุ่งพัฒนา ซึ่งใช้ความรู้จากงานที่ถนัด มาปรับใช้ คอยชี้แนะวิธีการปลูกต้นคะน้า กวางตุ้ง แนะนำการดูแลศัตรูพืชโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีการเกษตรอินทรีย์
การเรียนการสอนแบบนี้สร้างความตื่นเต้น สนุกให้แก่เด็กๆ เนื่องจากเด็กๆ ทุกคนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ได้เฝ้าดูการเติบโตของผัก ก่อนที่จะช่วยกันนำผักที่ปลูกกับมือนี้ไปส่งเข้าห้องครัวของโรงเรียนเพื่อปรุงอาหารให้น้องๆ และตัวเองกินกันบนความภาคภูมิใจ ที่ได้ร่วมกับผู้ปกครองปลูกผักภายในโรงเรียนขึ้น
ด.ช.ฮันนาน สุตรา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 บอกว่า ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการจิตอาสาบ้านทุ่งพัฒนา ด้วยการปลูกผักรดน้ำต้นไม้พรวนดิน เก็บผัก ช่วยขายได้เงินมาลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก ที่เหลือนำมาแบ่งให้นักเรียนนำมาใช้จ่าย มีน้องๆ นักเรียนมาช่วยกันปลูกผัก ดีใจมากที่โรงเรียนนำผักที่ปลูกมาประกอบอาหารเอง ให้พวกเราได้กิน และที่เหลือยังนำไปขายเอาเงินมาพัฒนาซื้อเมล็ดพันธุ์ ปลูกใหม่อีก
.
ด้าน ด.ญ.มารีน่า แคหวามาลัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 บอกว่า พวกตนทำหน้าที่ดูแลผักรดน้ำพรวนดิน โดยผักที่ปลูกเป็นผักกวางตุ้ง ผักกาด ผักบุ้งจีน ผักคะน้า ถอนหญ้า โดยผักจะนำไปขาย
.

ในส่วนของผู้นำท้องถิ่นอย่าง นายวีระ พรหมมา ส.อบต.ควนสตอ บอกว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ เป็นคณะกรรมการมา 8 ปีกว่าแล้ว ผู้ปกครองได้มีการพูดคุยกันเพื่อที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาโรงเรียนที่รกร้างเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผู้ปกครองเข้ามาช่วยการดูแลแปลงผักตั้งแต่เวลา 16.00-18.00 น.ทุกวัน แล้วแต่ใครสะดวก โดยมีนักเรียนได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ เม็ดเงินที่เหลือจากการซื้ออุปกรณ์การเกษตรจะมอบให้แก่โรงเรียนเพื่อนำไปทำกิจกรรมต่างๆ เด็กได้กินเป็นอาหารกลางวันและได้ทานผักปลอดสารพิษ โดยคิดว่าหากโรงเรียนอยู่ได้ชุมชนก็อยู่ได้
สำหรับผู้ปกครองนั้น นางวิไลพร นุ่งอาหลี อายุ 48 ปี หนึ่งในผู้ปกครอง บอกว่า ผู้ปกครองรวมกลุ่มผู้ปกครองจิตอาสามาช่วยโรงเรียน ซึ่งมีพื้นที่จำนวนมากถึง 22 ไร่ อย่างน้อยๆ ตอนนี้เริ่มจากปลูกผักเป็นอาหารกลางวันให้เด็ก อนาคตข้างหน้า ผู้ปกครองจะช่วยกันพัฒนาให้เป็นบ่อเลี้ยงปลาและฟาร์มไก่ นำไปขายเพื่อนำเงินกองกลางไว้หมุนเวียนใช้ในโครงการจิตอาสาของโรงเรียน

ด้าน นางสุนทรี ณ นคร ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งพัฒนา กล่าวว่า อนาคตเตรียมพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนสร้างอาชีพเพื่อนักเรียน ผู้ปกครอง และโรงเรียน อยู่ร่วมกันได้ เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำงานจริงอย่างถูกวิธี เช่น การขุดล่องน้ำ การล้างผัก การกำจัดวัชพืช เด็กได้เรียนรู้ว่าการเก็บผักไปขาย ต้องเลือกอย่างไร ขายอย่างไร มีการเลือกต้นผักที่ไม่เล็กเกินและไม่แก่เกิน
“โครงการนี้ทำให้เด็กสนุกกับการทำกิจกรรมไปพร้อมกับการเรียนรู้ และเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีโครงการปอเทือง จากนั้นจะมีการจัดหารายได้เพื่อสร้างสนามเด็กเล่น จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปมาร่วมงาน มาถ่ายภาพ และเช็กอินกัน”
สิ่งที่ได้กับเด็กนักเรียนคือ ได้เรียนรู้ในการประกอบอาชีพและกลับไปทำที่บ้านเองได้ สอนให้รู้เกี่ยวกับเรื่องของการทำบัญชีและการตลาด และสอนให้เด็กได้รู้ว่าทำไมต้องปลูกผักอินทรีย์ เด็กนำไปทำที่บ้านต่อได้อีก
ที่ชุมชนบ้านทุ่งพัฒนาแห่งนี้ ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมและงานสำคัญต่างๆ จะร่วมแรงร่วมใจลักษณะข้าวหม้อแกงหม้อ วัตถุดิบหาได้ในหมู่บ้าน ยิ่งกระแสการยุบโรงเรียนขนาดเล็กเนื่องจากมีนักเรียนเพียง 67 คน ยิ่งทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ โดยเห็นว่าภาพพลังสามัคคีคนในชุมชนที่จะมาเสียสละเพื่อร่วมดูแลโรงเรียนบุตรหลานลักษณะนี้จะหายไป เพราะบุตรหลานต้องไปเรียนไกลหมู่บ้าน ผู้ปกครองไม่สามารถเข้าไปมีร่วมมือในการดูแลบุตรหลานและโรงเรียนได้


โดย.. พัชรี เกิดพรม
.
นอกจากจะมาส่งบุตรหลาน ผู้ปกครองหลายคนของโรงเรียนบ้านทุ่งพัฒนา หมู่ที่ 10 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล ยังสวมบทบาทครูสอนวิชาเกษตร โครงการจิตอาสาบ้านทุ่งพัฒนา ซึ่งใช้ความรู้จากงานที่ถนัด มาปรับใช้ คอยชี้แนะวิธีการปลูกต้นคะน้า กวางตุ้ง แนะนำการดูแลศัตรูพืชโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิธีการเกษตรอินทรีย์
การเรียนการสอนแบบนี้สร้างความตื่นเต้น สนุกให้แก่เด็กๆ เนื่องจากเด็กๆ ทุกคนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ได้เฝ้าดูการเติบโตของผัก ก่อนที่จะช่วยกันนำผักที่ปลูกกับมือนี้ไปส่งเข้าห้องครัวของโรงเรียนเพื่อปรุงอาหารให้น้องๆ และตัวเองกินกันบนความภาคภูมิใจ ที่ได้ร่วมกับผู้ปกครองปลูกผักภายในโรงเรียนขึ้น
ด.ช.ฮันนาน สุตรา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 บอกว่า ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการจิตอาสาบ้านทุ่งพัฒนา ด้วยการปลูกผักรดน้ำต้นไม้พรวนดิน เก็บผัก ช่วยขายได้เงินมาลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก ที่เหลือนำมาแบ่งให้นักเรียนนำมาใช้จ่าย มีน้องๆ นักเรียนมาช่วยกันปลูกผัก ดีใจมากที่โรงเรียนนำผักที่ปลูกมาประกอบอาหารเอง ให้พวกเราได้กิน และที่เหลือยังนำไปขายเอาเงินมาพัฒนาซื้อเมล็ดพันธุ์ ปลูกใหม่อีก
.
ด้าน ด.ญ.มารีน่า แคหวามาลัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 บอกว่า พวกตนทำหน้าที่ดูแลผักรดน้ำพรวนดิน โดยผักที่ปลูกเป็นผักกวางตุ้ง ผักกาด ผักบุ้งจีน ผักคะน้า ถอนหญ้า โดยผักจะนำไปขาย
.
ในส่วนของผู้นำท้องถิ่นอย่าง นายวีระ พรหมมา ส.อบต.ควนสตอ บอกว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ เป็นคณะกรรมการมา 8 ปีกว่าแล้ว ผู้ปกครองได้มีการพูดคุยกันเพื่อที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาโรงเรียนที่รกร้างเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผู้ปกครองเข้ามาช่วยการดูแลแปลงผักตั้งแต่เวลา 16.00-18.00 น.ทุกวัน แล้วแต่ใครสะดวก โดยมีนักเรียนได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ เม็ดเงินที่เหลือจากการซื้ออุปกรณ์การเกษตรจะมอบให้แก่โรงเรียนเพื่อนำไปทำกิจกรรมต่างๆ เด็กได้กินเป็นอาหารกลางวันและได้ทานผักปลอดสารพิษ โดยคิดว่าหากโรงเรียนอยู่ได้ชุมชนก็อยู่ได้
สำหรับผู้ปกครองนั้น นางวิไลพร นุ่งอาหลี อายุ 48 ปี หนึ่งในผู้ปกครอง บอกว่า ผู้ปกครองรวมกลุ่มผู้ปกครองจิตอาสามาช่วยโรงเรียน ซึ่งมีพื้นที่จำนวนมากถึง 22 ไร่ อย่างน้อยๆ ตอนนี้เริ่มจากปลูกผักเป็นอาหารกลางวันให้เด็ก อนาคตข้างหน้า ผู้ปกครองจะช่วยกันพัฒนาให้เป็นบ่อเลี้ยงปลาและฟาร์มไก่ นำไปขายเพื่อนำเงินกองกลางไว้หมุนเวียนใช้ในโครงการจิตอาสาของโรงเรียน
ด้าน นางสุนทรี ณ นคร ผอ.โรงเรียนบ้านทุ่งพัฒนา กล่าวว่า อนาคตเตรียมพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนสร้างอาชีพเพื่อนักเรียน ผู้ปกครอง และโรงเรียน อยู่ร่วมกันได้ เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำงานจริงอย่างถูกวิธี เช่น การขุดล่องน้ำ การล้างผัก การกำจัดวัชพืช เด็กได้เรียนรู้ว่าการเก็บผักไปขาย ต้องเลือกอย่างไร ขายอย่างไร มีการเลือกต้นผักที่ไม่เล็กเกินและไม่แก่เกิน
“โครงการนี้ทำให้เด็กสนุกกับการทำกิจกรรมไปพร้อมกับการเรียนรู้ และเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ปกครองและเด็กนักเรียน ในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะมีโครงการปอเทือง จากนั้นจะมีการจัดหารายได้เพื่อสร้างสนามเด็กเล่น จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปมาร่วมงาน มาถ่ายภาพ และเช็กอินกัน”
สิ่งที่ได้กับเด็กนักเรียนคือ ได้เรียนรู้ในการประกอบอาชีพและกลับไปทำที่บ้านเองได้ สอนให้รู้เกี่ยวกับเรื่องของการทำบัญชีและการตลาด และสอนให้เด็กได้รู้ว่าทำไมต้องปลูกผักอินทรีย์ เด็กนำไปทำที่บ้านต่อได้อีก
ที่ชุมชนบ้านทุ่งพัฒนาแห่งนี้ ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมและงานสำคัญต่างๆ จะร่วมแรงร่วมใจลักษณะข้าวหม้อแกงหม้อ วัตถุดิบหาได้ในหมู่บ้าน ยิ่งกระแสการยุบโรงเรียนขนาดเล็กเนื่องจากมีนักเรียนเพียง 67 คน ยิ่งทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ โดยเห็นว่าภาพพลังสามัคคีคนในชุมชนที่จะมาเสียสละเพื่อร่วมดูแลโรงเรียนบุตรหลานลักษณะนี้จะหายไป เพราะบุตรหลานต้องไปเรียนไกลหมู่บ้าน ผู้ปกครองไม่สามารถเข้าไปมีร่วมมือในการดูแลบุตรหลานและโรงเรียนได้