ตรัง - กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ต.วังคีรี และ ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ปรับเปลี่ยนนาในที่ลุ่ม และมีน้ำท่วมขังทั้งปี มาทำ “นาบัว” เพื่อตัดขายในช่วงต่างๆ จนสร้างรายได้ให้อย่างงดงาม ทดแทนการทำนาข้าว
กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ ต.วังคีรี และ ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งประกอบอาชีพหลักคือ ทำสวนยางพารา และมีพื้นที่นาดั้งเดิมอยู่ในความครอบครองด้วย ต่างยังคงพยายามอนุรักษ์พื้นที่นาไว้สำหรับทำนาปลูกข้าว เพื่อเอาไว้รับประทานในครัวเรือน ซึ่งแตกต่างไปจากพื้นที่อื่นๆ ที่ขณะนี้ได้เปลี่ยนพื้นที่นามาเป็นการปลูกยาง และปลูกปาล์มน้ำมัน จนทำให้ต้องซื้อข้าวกิน นอกจากนั้น เกษตรกรกลุ่มนี้ยังได้กันพื้นที่นาบางแปลงซึ่งเป็นที่ลุ่ม มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี เพื่อหันมาทำนาบัวปลูกไว้ขาย เป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย
นางกมลศรี พลบุญ อายุ 45 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนชาวนา ต.วังคีรี อ.ห้วยยอด กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังคีรี และพื้นที่ติดกันคือ ต.บางกุ้ง ซึ่งยังมีที่นารวมประมาณ 40 ราย คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 300-400 ไร่ ได้รวมกลุ่มกันอนุรักษ์การทำนาแบบดั้งเดิม และร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองหลายสายพันธุ์เพื่อไม่ให้สูญหายไป รวมทั้งข้าวไร่ ด้วยการไม่ใช้สารเคมี และสารฆ่าแมลง และลดการใช้ปุ๋ยเคมี โดยกรมการข้าว ได้เข้ามาตรวจรับรองแปลงปลูกทุกปีว่าปลอดภัย ไร้สารเคมีตกค้าง และนำนาบางแปลงที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี มาปรับพื้นที่เป็นการทำนาบัวแทน เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้เลี้ยงปลาในนาบัวด้วย
ด้าน นายประภาส ไกรเทพ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 ต.บางกุ้ง และครอบครัว กล่าวว่า ตนเองมีที่นาทั้งหมด 16 ไร่ ครึ่งหนึ่งแบ่งเป็นทำนาข้าวแบบดั้งเดิม ส่วนที่เหลือได้เปลี่ยนมาทำนาบัวประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งสามารถตัดดอกขายได้ตลอดทั้งปี เพื่อส่งพ่อค้าในตัวเมืองตรัง และ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมชาติ โดยตัดได้ครั้งละประมาณ 300-400 ดอก และขายในราคาดอกละ 4-5 บาท ทำให้มีรายได้เสริมทดแทนนาข้าว ทั้งนี้ จะขายดีมากในช่วงวันพระ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จนบางครั้งมีไม่พอด้วยซ้ำ สำหรับประชาชน หรือพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการนำดอกบัวไปจำหน่าย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 09-0174-5751