ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.สภ.วิชิต ตามรวบ 2 หนุ่มตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่นำไปขาย 1 ราย สารภาพทำจริง อ้างนำเงินไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ส่วนอีกรายปฏิเสธ อ้างถูกหลอกให้ขับรถไปส่งไม่เกี่ยวกับการขโมยรถ

เมื่อเวลา 19.10 น. วันนี้ (10 ม.ค.) ที่หน้า สภ.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รอง ผกก.สส.สภ.วิชิต และ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ชูหนู สว.สส.สภ.วิชิต ชุดสืบสวน สภ.วิชิต ร่วมสอบปากคำ นายอนุลักษณ์ ยืนบุรี หรือตั้ม อายุ 36 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบุรี และนายนพรัตน์ หรือเจมส์ สร้อยกลาง อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองภูเก็ต 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สภ.วิชิต และพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนนำไปขายต่อ

หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนควบคุมตัวได้บริเวณริมถนนสายเมืองทอง-คลองมุดง ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมตรวจสอบของกลางเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ที่ยึดได้ 4 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX สีแดงทะเบียน ขธธ 106 ตรัง รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำตาล ทะเบียน ขฉต 92 ภูเก็ต รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีฟ้าขาว ทะเบียน ขทจ 290 ภูเก็ต และรถจักยานยนต์ฮอนด้า LS สีม่วง ทะเบียน ร-0624 ลำปาง โดยมีผู้เสียหาย 2 ราย ร่วมซักถาม

พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต ได้รับแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์ของประชาชนในพื้นที่สูญหายขณะจอดไว้หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณถนนเทพอนุสรณ์ ต.วิชิต จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รองผกก.สส.สภ.วิชิต พร้อมชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามภาพจากกล้องวงจรปิด จนทราบตัวและพฤติกรรมการก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX 1 คัน ไปจอดทิ้งไว้ข้างๆ เป้าหมายก่อนจะไปเข็นรถจักรยานยนต์ที่เป็นเป้าหมายออกไปบริเวณใกล้เคียง

หลังจากนั้น ต่อสายตรงสตาร์ทและขับออกไป ก่อนที่จะให้ผู้ร่วมก่อเหตุอีกรายเดินกลับเข้ามาเอารถจักรยานยนต์ยี่ห้อ MSX ที่จอดทิ้งไว้ในวันรุ่งขึ้น หลังได้เบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางหลบหนี จึงได้ลงพื้นที่ค้นหาบริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งพบตัวทั้ง 2 คน ขณะจอดรถคุยกันบริเวณริมถนนสายเมืองทอง-คลองมุดง ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต

จึงควบคุมตัวได้และนำตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวน จนทราบว่ารถจักรยานยนต์บางคันถูกนำไปซ่อมแซมเปลี่ยนสภาพและขายต่อให้แก่บุคคลที่สาม จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพาตัวไปตามยึดรถจักรยานยนต์คืนมาได้

จากการสอบถาม นายอนุลักษณ์ ยืนบุรี หรือตั้ม ให้การว่า ตนเองเคยเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์และขับรถบัสให้บริษัททัวร์ในภูเก็ต ปัจจุบันตกงานไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจึงตัดสินใจก่อเหตุเป็นครั้งแรก โดยตระเวนขับรถจักรยานยนต์หาเป้าหมายก่อนลงมือขโมยและนำไปขาย ซึ่งรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 110 ที่ขโมยจากถนนเทพอนุสรณ์ ได้ขายไปในราคา 4,000 บาท โดยนำเงินทั้งหมดไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ส่วนรถจักรยานต์ฮอนด้า LS สีม่วงนั้นพบว่า จอดเสียอยู่ริมถนน จึงเข็นกลับไปบ้านก่อนพาไปยังอู่ซ่อมแห่งหนึ่งเพื่อให้ช่างซ่อมแซมเตรียมนำไปขาย แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน

ส่วนรถ จยย.ฮอนด้า MSX เป็นของนายนพรัตน์ หรือเจมส์ ที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกทอดหนึ่ง ด้านนายนพรัตน์ หรือเจมส์ ผู้ต้องหาอีกรายนั้นยังคงให้การปฏิเสธ พร้อมระบุว่า ตนเองไม่ทราบเรื่องที่ นายอนุลักษณ์ ไปขโมยรถจยย. เพียงแต่นายอนุลักษณ์ บอกว่าให้ขับรถไปส่งและรับรถกลับเท่านั้น ก่อนที่นายอนุลักษณ์ จะให้เงินมา 500 บาท เพื่อเป็นค่าน้ำมัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเวลากลางคืน” ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 19.10 น. วันนี้ (10 ม.ค.) ที่หน้า สภ.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รอง ผกก.สส.สภ.วิชิต และ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ชูหนู สว.สส.สภ.วิชิต ชุดสืบสวน สภ.วิชิต ร่วมสอบปากคำ นายอนุลักษณ์ ยืนบุรี หรือตั้ม อายุ 36 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบุรี และนายนพรัตน์ หรือเจมส์ สร้อยกลาง อายุ 21 ปี ชาว อ.เมืองภูเก็ต 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในพื้นที่ สภ.วิชิต และพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนนำไปขายต่อ
หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนควบคุมตัวได้บริเวณริมถนนสายเมืองทอง-คลองมุดง ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมตรวจสอบของกลางเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ที่ยึดได้ 4 คัน ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX สีแดงทะเบียน ขธธ 106 ตรัง รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำตาล ทะเบียน ขฉต 92 ภูเก็ต รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 สีฟ้าขาว ทะเบียน ขทจ 290 ภูเก็ต และรถจักยานยนต์ฮอนด้า LS สีม่วง ทะเบียน ร-0624 ลำปาง โดยมีผู้เสียหาย 2 ราย ร่วมซักถาม
พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.วิชิต กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต ได้รับแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์ของประชาชนในพื้นที่สูญหายขณะจอดไว้หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณถนนเทพอนุสรณ์ ต.วิชิต จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รองผกก.สส.สภ.วิชิต พร้อมชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามภาพจากกล้องวงจรปิด จนทราบตัวและพฤติกรรมการก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ก่อเหตุจะขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX 1 คัน ไปจอดทิ้งไว้ข้างๆ เป้าหมายก่อนจะไปเข็นรถจักรยานยนต์ที่เป็นเป้าหมายออกไปบริเวณใกล้เคียง
หลังจากนั้น ต่อสายตรงสตาร์ทและขับออกไป ก่อนที่จะให้ผู้ร่วมก่อเหตุอีกรายเดินกลับเข้ามาเอารถจักรยานยนต์ยี่ห้อ MSX ที่จอดทิ้งไว้ในวันรุ่งขึ้น หลังได้เบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางหลบหนี จึงได้ลงพื้นที่ค้นหาบริเวณใกล้เคียง จนกระทั่งพบตัวทั้ง 2 คน ขณะจอดรถคุยกันบริเวณริมถนนสายเมืองทอง-คลองมุดง ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จึงควบคุมตัวได้และนำตัวทั้ง 2 คนมาสอบสวน จนทราบว่ารถจักรยานยนต์บางคันถูกนำไปซ่อมแซมเปลี่ยนสภาพและขายต่อให้แก่บุคคลที่สาม จึงให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพาตัวไปตามยึดรถจักรยานยนต์คืนมาได้
จากการสอบถาม นายอนุลักษณ์ ยืนบุรี หรือตั้ม ให้การว่า ตนเองเคยเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์และขับรถบัสให้บริษัททัวร์ในภูเก็ต ปัจจุบันตกงานไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจึงตัดสินใจก่อเหตุเป็นครั้งแรก โดยตระเวนขับรถจักรยานยนต์หาเป้าหมายก่อนลงมือขโมยและนำไปขาย ซึ่งรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 110 ที่ขโมยจากถนนเทพอนุสรณ์ ได้ขายไปในราคา 4,000 บาท โดยนำเงินทั้งหมดไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ส่วนรถจักรยานต์ฮอนด้า LS สีม่วงนั้นพบว่า จอดเสียอยู่ริมถนน จึงเข็นกลับไปบ้านก่อนพาไปยังอู่ซ่อมแห่งหนึ่งเพื่อให้ช่างซ่อมแซมเตรียมนำไปขาย แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน
ส่วนรถ จยย.ฮอนด้า MSX เป็นของนายนพรัตน์ หรือเจมส์ ที่ซื้อต่อมาจากเพื่อนอีกทอดหนึ่ง ด้านนายนพรัตน์ หรือเจมส์ ผู้ต้องหาอีกรายนั้นยังคงให้การปฏิเสธ พร้อมระบุว่า ตนเองไม่ทราบเรื่องที่ นายอนุลักษณ์ ไปขโมยรถจยย. เพียงแต่นายอนุลักษณ์ บอกว่าให้ขับรถไปส่งและรับรถกลับเท่านั้น ก่อนที่นายอนุลักษณ์ จะให้เงินมา 500 บาท เพื่อเป็นค่าน้ำมัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเวลากลางคืน” ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป