xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจชื่อดังปัตตานีเชื่อมั่นในปี 63 หากวางแผนดีจะทำให้ไม่ลำบากอย่างแน่นอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
ปัตตานี - นักธุรกิจชื่อดังปัตตานี เชื่อมั่นในปี 2563 หากเรามีการวางแผนรับมือในเรื่องต่างๆ ได้ดี จะทำให้สามารถรับมือและแก้ปัญหาที่เกิดได้อย่างแน่นอน ย้ำต้องร่วมทำไปด้วยกันแล้วความสงบในทุกด้านจะเป็นของเรา

วันนี้ (2 ม.ค.) ดร.อนุชิต งามขจรวิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี เจ้าของบริษัทปัตตานีคอนกรีต จำกัด กล่าวว่า ทุกคนมองว่าการลงทุนที่ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นการขาดทุน แต่ผมมองว่ากำไร แล้วคอยดูว่าเราจะกำไรหรือขาดทุน คอยดูกันว่าสายการบินจะลงมากี่สาย นั่นคือตัวชี้วัด ซึ่งพูดได้เลยกำไรแน่นอน และจะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม นับเป็นโอกาสของคนยะลา

ส่วนปัตตานี มีโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่จะขยายขึ้นจะมีการรับแรงงานจำนวนมาก โรงงานไฟฟ้า APCON GROUP ปัตตานี ที่กำลังจะเปิดแล้วจะมีการขยายรับคนทำงานจำนวนมากอีกด้วย นั่นคือโอกาสของคนในพื้นที่ และจริงๆ แล้วคนใน 3 จังหวัดมีโอกาสมากถ้าเราเตรียมพร้อมรับมือไม่ว่าจะต้องเจอกับภาวะการศึกษา เศรษฐกิจ และความไม่สงบในพื้นที่ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้

หลักๆ เราพัฒนาร่วมกันในอาเซียน เอาแค่ว่าใกล้บ้านรั้วเรา เขตตะเข็บชายแดนจะทำยังไงให้ผ่านโลจิสติกส์ การคมนาคมที่จะเชื่อมเมืองเศรษฐกิจ ก็ทำถนนตามชายแดน ทำสะพานเชื่อมระหว่างแดน เหมือนกลุ่มแม่น้ำโขง รั้วตามตะเข็บชายแดนให้เกิดขึ้นจริงๆ มันจะสามารถแก้ปัญหาของความไม่สงบได้ การศึกษา ได้ เศรษฐกิจได้ เพราะมาเลย์มีตัวอย่างดีๆ มากมายที่เราสามารถเรียนรู้ได้ ทั้งมหาวิทยาลัย โรงงานอุตสาหกรรม การศึกษาอยู่ในรัฐต่างๆ
 


 
แต่ผมมองว่า การทำถนนการทำการคมนาคมให้ดีตามตะเข็บชายแดนจะสามารถตอบโจทย์ได้ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการศึกษา ปัญหาความมั่นคง และเป็นการเชื่อมโยงระหว่างประเทศซึ่งกันและกัน ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีการทำแบบแค่ได้ดำริ ไม่มีการปฏิบัติลงมือทำอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าทำจริงมันจะสามารถเกิดผลดีในหลายด้าน

จะทำยังไง ทำไปแล้ว ต้องทำให้จบ จะทำแบบกําแพงเบอร์ลินก็ทำให้จบแต่ผมว่าทำให้ดีทำให้ได้ จะสามารถแก้ปัญหาความมั่นคงได้ เชื่อมระหว่างประเทศซึ่งกันและกัน ทำเป็นถนน จากนั้นมีสายรถไฟฟ้าต่างๆ เข้ามา ระบบชายแดนที่เป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะถนนระหว่างด่านเศรษฐกิจจากด่านประกอบเชื่อมไปด่านสะเดา ด่านเบตง มันอยู่ในโซนเดียวกันเส้นทางที่จะต้องไปด้วยกันเขตที่มันติดระหว่างทางด่านเศรษฐกิจ มีอยู่ทั้งฝั่งในมาเลเซีย ฝั่งชายแดนไทย ปัญหาทุกอย่างจะดีแต่อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น

เชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครจะเป็นคนสั่งการเป็นใครก็ตาม ถ้ามีการจัดวางแผนให้ดีและสามารถทำได้จริง โอกาสก็จะเป็นของคนพื้นที่ ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ใช่ปัญหา สำคัญ การวางแผนและลงมือทำได้จริงจะนำพาคนพื้นที่ไปข้างหน้าให้ผ่านพ้นไปได้

ในเรื่องท่าเทียบเรือถ้ามีโอกาสจะสร้างขึ้นมาที่หาดปะนาเระ มีน้ำลึก 14 เมตร แล้วก็อยู่ใกล้ๆ เกาะโลซิน ทำโรงงานฮาลาลให้เกิด ซึ่งปัจจุบันมีแล้ว ตนมองว่ามีนักลงทุนที่ไหนต้องมีที่พักผ่อนที่นั่น เศรฐกิจก็จะดี ที่ไหนมีโรงงานก็จะมีคนเข้ามา การจับจ่ายจะเกิดขึ้น อย่างโรงงานทุเรียนที่เกิดขึ้น ชาวบ้านมารอคิวยาว ระหว่างรอก็ได้ไปกินของที่ชาวบ้านมาวางขาย จนมีการเปิดร้านขายเป็นตลาด ทั้งตลาดบน ตลาดล่างต่างก็ได้ประโยชน์
 


 
แต่ถ้าไม่ให้โรงงานตั้ง ไม่มีโรงงานไม่มีการลงทุน ชาวบ้านก็แย่ อุตสาหกรรมมีที่ไหน เกษตรกรรมก็จะรอด ซึ่งถ้าที่ไหนเครื่องจักรดังประชาชนจะดี แต่ถ้าเครื่องจักรไม่ดังประชาชนก็จะแย่ ทำไมชลบุรีมีทั้งเมืองพักผ่อน และเออีซี นั่นคือระบบครบวงจร ทำการศึกษาชั้นประถมและในระดับอาชีวะให้ดีเพื่อรองรับและใช้ทรัพยากรเป็นสัดส่วนทั้งหมดก็จะดีไปกันได้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่มีสังคมพหุวัฒนธรรม ต้องไปด้วยกัน ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้

การที่จะทำอะไรเราต้องดูว่าประชาชนได้อะไร ประชาชนส่วนใหญ่จะได้หรือเสียมากกว่า และควรศึกษาการใช้ทรัพยากรให้เป็นสัดส่วน แล้วความสงบก็เกิดขึ้น เพราะคนไปทำงานไม่มีใครอยากเป็นโจร ขอยืนยันอีกครั้งว่าถ้าประชาชนมีงานหมด ก็ไม่มีใครอยากเป็นโจร แต่ถ้าคนว่างงานเมื่อไหร่ 80 เปอร์เซ็นต์จะมีอาชญากรรมมากขึ้น คนจะเดือดร้อน

ดังนั้น เราต้องตั้งรับปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าปัญหาการศึกษา ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ถ้าเรามีการรับมือที่ดีเราจะไม่ลำบากอย่างแน่นอนในปี 2563 แล้วจะอยู่ได้ต้องแก้ปัญหาให้ได้ การแก้ปัญหาก็คือวางแผนให้ดี พัฒนาทรัพยากรบุคคลด้วยการศึกษา การใส่ใจ ลงมือทำแล้วมันจะดี แต่มันไม่ใช่การเนรมิตเมืองภายในวันเดียว ต้องร่วมกันทำไปด้วยกันแล้วความสงบในทุกด้านจะเป็นของเรา
 


กำลังโหลดความคิดเห็น