ปัตตานี - กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยง “ชันโรงบ้านลาดอ” จ.ปัตตานี รวมกลุ่มเลี้ยงเพื่อนำน้ำหวานขายเสริมสร้างสุขภาพ สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว เผยเป็นทางเลือกเลี้ยงชีพในยุคข้าวยากหมากแพง
จากสภาวะที่ข้าวยากหมากแพง อาจเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจให้แก่ นายอับดุลเลาะ สาแลแม ชายคนหนึ่งในพื้นที่บ้านลาดอ ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ที่มีอาชีพกรีดยางพารา และรับซื้อขี้ยางในพื้นที่ โดยต้องยอมเดินทางไปทัศนศึกษาค้นหาประสบการณ์ให้แก่ตัวเอง เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพเสริมรายได้เลี้ยงครอบครัว จนไปถึง “เกาะซีรัม” ที่ประเทศอินโดนีเซีย อาศัยนั่งโดยสารเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะดังกล่าวนานถึง 4 ชั่วโมง
เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับความน่าอัศจรรย์ใจเอามากๆ เพราะประชากรส่วนใหญ่อาศัยธรรมชาติบำบัดในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะจึงไม่ค่อยได้อาศัยการรักษาแผนปัจจุบันเหมือนทั่วไป โดยเฉพาะการบำบัดรักษาโรคด้วย “น้ำหวานชันโรง” เป็นที่นิยมแพร่หลาย มีการเลี้ยง และโดยทั่วไปตามธรรมชาติในป่า
จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ชายคนนี้เริ่มสนใจที่จะกลับมาเลี้ยง “ชันโรง” เป็นอาชีพเสริม แต่ด้วยความไม่เคยมีประสบการณ์ของการเลี้ยง ไม่เคยเรียนรู้คุณลักษณะพฤติกรรมของตัวชันโรง โดยเฉพาะในเรื่องของสรรพคุณ และการใช้ประโยชน์จากน้ำหวานชันโรงได้อย่างไร
นับเป็นความโชคดีของชายคนนี้ที่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักเป็นส่วนตัวมาก่อนหน้านี้ ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของชันโรง และการใช้ประโยชน์จากชันโรงได้เป็นอย่างดีเยี่ยม จนได้รับมอบเกียรติบัตร และวุฒิบัตร ดร.กิตติมศักดิ์จากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
ด้วยเหตุนี้ ชายบ้านลาดอคนนี้จึงต้องนั่งรถไปเรียนรู้ ศึกษาทำความเข้าใจกับชันโรง ด้วยการเข้าร่วมอบรมจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และได้รับมอบเกียรติบัตรผ่านการอบรม ก่อนนำมาเลี้ยงที่บ้านอย่างเป็นทางการ จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากน้ำหวานชันโรง เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2552 จนถึงวันนี้ย่างเข้า 10 ปีเต็ม จนสามารถส่งน้ำหวานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย
ส่วนสาเหตุที่ต้องกลับมาเลี้ยงชันโรงนั้น หลังจากฝึกอบรมเรียนรู้ชันโรงกับผู้เชี่ยวชาญที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จนได้รับคำแนะนำ และโน้มน้าวให้เริ่มลองเลี้ยงเพื่อใช้รับประทานในครอบครัว และให้เพื่อนบ้านลองมารับประทานเพื่อสุขภาพ ก่อนที่จะมีการผลักดันเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ให้แก่กลุ่ม และครอบครัว ในทุกวันสามารถจำหน่ายน้ำหวานชันโรงที่นี่ในราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท
เริ่มแรกกลับมาเลี้ยงในสวนยางพาราข้างบ้าน มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ โดยใช้ช่องว่างระหว่างต้นยางพารา สร้างเรือนวางทีละหลังขนาดรังประมาณ 1 ฟุต วางเป็นแนวยาวของสวนใช้ฝากระเบื้องครอบเป็นหลังคารัง ทุกวันนี้มีเลี้ยง 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ชันโรงสายพันธุ์โตราซิกา อูตาม่า และลาวีแซ่ ซึ่งทั้ง 3 สายพันธุ์นี้นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ของชันโรง โดยเฉพาะสายพันธุ์โตราซิกา มีลักษณะน้ำหวานที่ข้นมากเป็นพิเศษจะออกสีไปทางดำ ซึ่งสายพันธุ์อื่นจะออกสีน้ำตาลอ่อนๆ
ถ้าพูดถึงพฤติกรรมของชันโรงเป็นสัตว์ที่เข้าฝูง อาศัยนางพญาเป็นผู้ควบคุมวางไข่ ส่วนลูกอ่อนที่ฟักใหม่อายุประมาณ 15 วัน จะคอยทำหน้าที่ช่วยฟักไข่ที่แก่เพื่อให้ออกมาเป็นตัว นอกจากนั้น ตัวชันโรงยังเป็นสัตว์ที่มีการแบ่งหน้าที่การทำงานได้อย่างชัดเจนอย่างน่าทึ่ง ประกอบด้วย ฝ่ายวิศวกรรม มีหน้าที่คอยสร้างรัง ฝ่ายหมอ ฝ่ายทหาร ฝ่ายนางพญา และฝ่ายกรรมกร คอยทำหน้าที่หาเกสร หาน้ำหวาน หายาง (โปรโปเลส)
นอกจากนั้น ชันโรงยังเป็นสัตว์ที่ไม่ขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ โดยจะขับของเสียออกตามปีกแทน เป็นสัตว์ที่มีความสามารถสร้างออกซิเจนด้วยตัวเอง จึงสามารถอาศัยในรูโปร่งได้เป็นอย่างดี ที่แปลกมากกว่านั้น ชันโรงเป็นสัตว์ที่ไม่จับคู่ในรังเดียวกันโดยธรรมชาติ เพราะป้องกันความอ่อนแอของสายพันธุ์ กรณีเลือดชิด เป็นต้น ภายในรังจะมีเพียงนางพญา 1 ตัวเท่านั้น ถ้ามีมากกว่า 1 ตัว ก็จะถูกกำจัดกันเอง
ปัจจุบัน การเลี้ยงชันโรงที่นี่ได้มีการจดทะเบียนเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงชันโรงบ้านลาดอ มีสมาชิก 7 คน ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 87/3 หมู่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยมี นายอับดุลเลาะ สาแลแม เป็นประธานกลุ่ม มีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน และพฤษภาคม จะมีน้ำหวานเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละ 100 กิโลกรัม แต่บางเดือนที่อยู่ในช่วงฤดูกลับไม่มีน้ำหวานให้เลย ถ้ามีก็น้อยมาก
ส่วนสรรพคุณของน้ำหวานชันโรงนั้น มีสถาบันมหาวิทยาลัยดังๆ ระดับโลกได้มีการวิจัยประโยชน์จากการรับประทานเดี่ยว และรับประทานรวม สามารถสร้างโภชนาการสำหรับรับประทานในครัวเรือนเพื่อเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการปรับความสมดุลไขมันในร่างกาย ใช้เพื่อบำบัดโรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดตีบ เป็นต้น ที่ผ่านมา เคยมีลูกค้าที่ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจรั่ว ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง รับประทานน้ำหวานชันโรงติดต่อกัน 4 เดือน กลับมีสุขภาพดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีลูกค้าที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด เข้ามาซื้อไปรับประทาน ทุกวันนี้มีลูกค้าจากประเทศมาเลเซีย สั่งจองซื้อเป็นจำนวนมาก เพราะเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายในการรับประทานน้ำหวานชันโรงเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ที่น่าทึ่งที่สุดของน้ำหวานชันโรง คือ สามารถสกัดไขมันแยกออกจากกาแฟสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมของน้ำตาล และครีมเทียมเป็นส่วนผสม หลังจากชงกับน้ำร้อนแล้วนำน้ำหวานชันโรงใส่ในถ้วยกาแฟดังกล่าวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน เพียงแค่ 2 วินาทีจะเห็นไขมันลอยขึ้นชั้นบนอย่างเห็นได้ชัด