xs
xsm
sm
md
lg

ปี “หมูไฟ” ลากไฟใต้ลาม “ศูนย์กลางอำนาจรัฐ” ทั้งน้ำตาท่วมวัด-สะเทือนขวัญ-กระทบใจ-สั่นไหวการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
โดย... ศูนย์ข่าวภาคใต้
 


 
เรื่องราวไฟใต้ตลอดปี 2562 หากจะเรียกว่าปีแห่งการ “จุดไฟย่างหมู” ที่ผลออกมาได้ความสุกในระดับ “เวลล์ดัน (Well done)” หรือสุกแบบชนิดที่เนื้อด้านในยังอมชมพูฉ่ำเลือดมีให้เห็น เพราะไขมันละลายได้ที่พอดี รสชาติและรสสัมผัสเหมือนกับเนื้อได้ไปละลายในปากจริงๆ ส่วนปีหน้า 2563 จะเรียกว่า “จุดไฟย่างหนู” ได้หรือไม่ หรือจะย่างได้ความสุกระดับไหน รสชาติและรสสัมผัสจะออกอย่างไร นั่นก็มีแต่ต้องตั้งหน้าตั้งตาติดตามกันต่อไป
 
ตลอดปี “หมูไฟ” ที่กำลังผ่านพ้นสถานการณ์ “ความรุนแรง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังดำเนินต่อไปชนิดที่ต้องเรียกว่าเป็น “ปกติธรรมดา” หลังเกิดเหตุปล้นปืนในค่ายทหารที่ จ.นราธิวาส เมื่อ 4 ม.ค.2547 อันนับเป็นจุดเริ่ม “ไฟใต้ระลอกใหม่” จากฝีมือขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ชื่อว่า “บีอาร์เอ็น” ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกี่ยวโยงกับปรากฏการณ์อื่นๆ และสั่นสะเทือนสังคมมากมายทีเดียว
 
ตลอดปี 2562 บีอาร์เอ็นยังมีปฏิบัติการยิงรายวัน วางระเบิด บึ้มรถไฟ คาร์บอมบ์ มอเตอร์ไซด์บอมบ์ โจมตีเจ้าหน้าที่ โจมตีกองกำลังภาคประชาชน ฯลฯ ขณะฝ่ายรัฐก็ตอบโต้ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ทั้งตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ เปิดฉากไล่ล่า ปิดล้อม ตรวจค้น วิสามัญ ทลายห้างรังโจร ฯลฯ แล้วก็สลับด้วยหลายเหตุที่ทำให้ “ไฟใต้โชนเปลว” ชนิดที่ต้องบอกว่ามีทั้ง “น้ำตาท่วมวัด” “สะเทือนขวัญ” “กระทบใจ” และ “สั่นไหวการเมือง” แถมยัง “ลามเข้ากรุง” ไปป่วนถึง “ศูนย์กลางอำนาจรัฐ”
 

เหตุการณ์บุกสังหารพระในวัดรัตนานุภาพ
 
ครึ่งปีแรกไม่ธรรมดา“น้ำตาท่วมวัด-สั่นสะเทือนเลือกตั้ง” ลามสู่ “พัทลุง-สตูล” 
 .
เปิดศักราชใหม่ที่ จ.สงขลา ด้วยปฏิบัติการร์บอมบ์ทางเข้าหน่วยเฉพาะกิจสงขลาที่ อ.เทพา, บึ้มหลังสถานีรถไฟที่ อ.จะนะ และปะทะที่ อ.สะบ้าย้อย ส่วนที่ จ.นราธิวาส เริ่มที่ปะทะบนเทือกเขาที่ อ.จะแนะ, บึ้มทหารทหารพรานรับวันวาเลนไทน์ ยิงผู้ใหญ่บ้านในมัสยิดที่ อ.ระแงะ, ขว้างไปป์บอมบ์ป่วน สภ.ยี่งอ, ยิงใส่ สภ.ปะลุกาสาเมาะ ยิงทหารพรานที่ อ.บาเจาะ, บึ้ม 3 จุดย่านชุมชนที่ อ.แว้ง, ยิงสามีภรรยาสูงวัยชิง จยย.ไปทำระเบิดที่ อ.ระเงะ, จับ 2 ตำรวจกลางดึกที่ อ.เจาะไอร้อง เช้ามืดเป็นศพในคูน้ำและรถถูกเผาวอดที่ อ.ตากใบ, ปะทะในป่า 2 ระลอกที่ อ.รือเสาะ ต่อเนื่องถึง อ.จะแนะ, บึ้ม-ซุ่มยิงรถทหารพรานที่ อ.สุไหงปาดี มี พ.ต.ศรัณย์ณชัย จิตรเพชร บาดเจ็บ และบิ้มพร้อมๆ กันที่ อ.สุไหงปาดี กับที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
 
ที่ จ.ยะลา เริ่มที่บึ้มทหารพราม ยิงลูกชายอดีตมือขวา “จ่าเพียร-พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา” ยิงผู้ใหญ่บ้านบันนังกูแวที่ อ.บันนังสตา, จ่อยิงศีรษะ ตชด.ในมัสยิดที่ อ.ธารโต และยิงประธานสภา อบต.ท่าธงที่ อ.รามัน ด้าน จ.ปัตตานี เริ่มที่ยิง อส.ดับ 4 ในโรงเรียนและยิงครูที่ อ.ยะรัง วันเด็กแห่งชาติมีปะทะ และยิงประธานสภา อบต.ตะโละกาโปร์ที่ อ.ยะหริ่ง, ยิงถล่ม สภ.นาประดู่ ช่วงสงกรานต์มี จยย.บอมบ์หน้าโรงไม้ยางที่ อ.โคกโพธ์, ยิง อส.ที่ อ.กะพ้อ, จยย.บอมบ์ใกล้ตลาดบ่อทองที่ อ.หนองจิก, ทำลายกล้องวงจรปิดที่ อ.สายบุรี, บึ้ม ชคต. บึ้มทหารพราน และส่งท้ายด้วยบุกไปยิงอุสตาซโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม (ปอเนาะพ่อมิ่ง) ที่ อ.ปานาเระ
 

เหตุการณ์บึ้มป่วน จ.สตูล และ จ.พัทลุง
 
มีเหตุสะเทือนขวัญจนน้ำตาท่วมวัดตั้งแต่ต้นปีคือ 18 ม.ค.โจรใต้บุกสังหาร 4 พระในวัดรัตนานุภาพ (วัดโคกโก) ที่ จ.นราธิวาส พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ (ท่านสว่าง) เจ้าอาวาสและเจ้าคณะ อ.สุไหงปาดี มรณภาพร่วมกับ 2 พระลูกวัดและเจ็บ 1 รูป ซึ่งสมเด็จพระอริยะวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้รับการศพไว้ในพระสังฆราชานุเคราะห์ แถมต่อมาโจรใต้ยังกราดยิงวัดเทพนิมิต (วัดบ้านกลาง) อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี 
 
อีกเหตุสั่นสะเทือนการเมืองคือ 9-10 มี.ค.ก่อนวันหย่อนบัตรเลือก ส.ส.มีบึ้มป่วนเมืองที่ จ.สตูล 2 จุด ในถังขยะด้านหน้าและ จยย.บอมบ์ในรั้ว สภ.เมืองสตูล กับที่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง 6 จุด ทั้งที่ร้านขายของชำ ร้านขายรถจักรยานและโรงเรียนอนุบาล หลังเกิดเหตุมีข้อมูลยืนยันชัดว่าเชื่อมโยงไฟใต้ ทำเอา “ท่านผู้นำ” รวมถึงแก่นแกนรัฐบาลและฝ่ายการเมืองก้นร้อนไปตามๆ กัน
 

เหตุการณ์เปอร์มาสและบีอาร์เอ็นกับการเลือกตั้ง ส.ส.
 
ก่อนวันกาบัตรเลือก ส.ส. เพจเฟซบุ๊กบีอาร์เอ็น ออกแถลงการณ์ถึงชาวมลายูปาตานีไม่ให้สนับสนุนและมีส่วนร่วมกับการเลือกตั้ง อ้างว่าผิดหลักศาสนา อีกทั้งก็มีข้อความแชร์ทางไลน์อ้างเป็นแกนนำบีอาร์เอ็นชักชวนให้ไปโหวตโนด้วย ขณะที่ สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ออกแถลงการณ์ชี้ว่า การเลือกตั้งสู่การกำหนดชะตากรรม (Election to Determination) ทั้งตนเองและอนาคตของปาตานี พร้อมณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ์หนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และไม่เลือกพรรคที่สืบทอดอำนาจ คสช. แต่ก็มีชาวไทยที่ไปทำงานในมาเลเซียเดินทางกลับมาหย่อนบัตรกันคึกคัก
 
ด้าน อุสตาสสุกรี ฮารี หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฝ่ายมาราปาตานีส่งจดหมายถึง อาวัง ยาบัต ประธานมาราปาตานี ขอลาออกจากหัวหน้าคณะ แต่ยังคงเป็นสมาชิ ให้มีผล 22 พ.ค. อ้างปัญหาสุขภาพ แต่ฝ่ายความมั่นคงไทยชี้เพราะอึดอัดที่ควบคุมองคาพยพมาราปาตานีไม่ได้ นอกจากนี้ ตันสรี อับดุลราฮิม มูฮำหมัด นูร์ อดีต ผบ.ตร.มาเลเซีย ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุข ได้เดินทางเยือนภาคใต้ 11-14 มิ.ย.พบปะ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 นักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ กลุ่มประชาสังคมและผู้นำศาสนาเพื่อรับฟังปัญหาไฟใต้
 

เหตุการณ์ผู้อำนวยความสะดวกพูดคุยสันติสุขของมาเลเซียเซียเยือนภาคใต้
 
ครึ่งปีหลังหนักนัก“สะเทือนขวัญ-กระทบใจ-สั่นไหวการเมือง” ลามไกลเข้า “กรุง” 
 .
ครึ่งหลังปีประเดิมที่ จ.ยะลา ด้วยเหตุยิงรายวัน ตามด้วยยิงไทยพุทธแล้วกดระเบิดซ้ำ ถล่มป้อมจุดตรวจ ชรบ.ลำพะยา บึ้ม อส.ชุดคุ้มครองครู ยิงหัวหน้าโครงการจุฬาภรณ์พัฒนาที่ อ.เมืองยะลา, กราดยิงใส่โรงเรียนบ้านซีเยาะที่ อ.ยะหา, ยิงสาวใหญ่ 2 พี่น้อง ปะทะเดือนบนเทือกเขาตะโละสะโต “ซัพพอร์ตไซต์” ที่ อ.กรงปินัง, ลอบบึ้มทหารพรานเจ็บ 4 เผายางรถยนต์ บึ้มร้านของชำ วางเพลิงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ที่ อ.บันนังสตา และบึ้มตู้เอทีเอ็มพร้อมวางเพลิง 6 จุดใน 4 อำเภอที่ อ.เมือง อ.ยะหา อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต
 
ที่ จ.ปัตตานี ยิงชาวบ้านหลายดี กราดยิงก่อนบึ้มซ้ำ 5 ชคต.ภรรยาตั้งครรภ์ 5 เดือน ยิงพ่อ-แม่ตำรวจพ่วงเด็กหญิง 2.7 ปีที่ อ.โคกโพธ์, ยิง 2 สามีภรรยาใบ้ ที่ อ.ยะหริ่ง, ยิงผู้ใหญ่บ้านบาโงยีรือริง วิสามัญ 2 โจรใต้ ยิงภรรยาทหารพรานต่อหน้าลูกชาย 5 ขวบที่ อ.สายบุรี, ขว้างระเบิดและยิงถล่มฐาน ชคต.ก่อนล่าถอยราดน้ำมันจุดไฟเผาร่างผู้เสียชีวิต ปล้นรถยนต์ อบต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง แล้วนำไปทำคาร์บอมบ์ถล่มอาคารโรงพักเก่าที่ สภ.ไม้แก่น, ป่วนเผายางรถยนต์ บึ้มตู้เอทีเอ็มใน 4 อำเภอ และปิดล้อมก่อนปะทะดับ 2 โจรใต้ที่หนึ่งในนั้นคือ นายซอบรี หลำโสะ กองกำลังอาร์เคเคของบีอาร์เอ็น โยงโจมตีจุดตรวจ ชรบ. 15 ศพยะลาที่ อ.หนองจิก
 

เหตุการณ์เสียชีวิตของ อับดุลเลาะ อีซอมูซอ
 
ที่ จ.นราธิวาส บึ้ม ฉก.ทหารพรานนาวิกโยธิน แล้วห่างกัน 2 วันเกิดบึ้มซ้ำอีก ยิง รอง สวป.สภ.บาเจาะเสียชีวิตวันสุดท้ายก่อนเกษียณที่ อ.บาเจาะ, ปะทะบนเทือกเขาตะเวหลายระลอก ที่ อ.ระเงะ, ปะทะเดือดเชิงเขาทางขึ้นน้ำตกสือแด บึ้มเส้นทางรถไฟขาดที่ อ.สุไหงปาดี, ยิงทหารพรานชุดจรยุทธ์ บึ้มใกล้มัสยิดบือแนยาโมงที่ อ.รือเสาะ และที่ จ.สงขลา บึ้มรถตำรวจ สภ.เทพาที่ อ.เทพา
 
สำหรับครึ่งหลังปีกลับมีเหตุอุกอาจใหญ่ๆ สั่นสะเทือนขวัญสังคมและเป็นข่าวครึกโครมมากมาย ได้แก่ กรณี “อับดุลเลาะ อีซอมูซอ” 20 ก.ค.เขาถูกควบคุมตัวจาก อ.สายบุรี เข้าศูนย์ซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แค่คืนเดียวก็สมองตายผ่านการรักษา 3 โรงพยาบาลคือ รพ.ค่ายอิงคยุทธฯ รพ.ปัตตานี และไปจบที่ รพ.สงขลานครินทร์ (ม.อ.หาดใหญ่) จ.สงขลา นอนเป็นผัก 35 วันก็เสียชีวิต 25 ส.ค. ทหารอ้างกล้องวงจรปิดเสียและแทบจะหาหลักฐานอื่ๆ ประกอบคดีไม่ได้ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตที่มีการประเด็นซ้อมทรมานหรือไม่ องค์กรทั้งในและต่างประเทศ ภาคประชาสังคม นักสิทธิมนุษยชน นักการเมือง ฯลฯ ต่างลงคลุกและตามติด
 

เหตุการณ์บึ้มป่วนกรุงเพทพฯ ไฟใต้ลามสู่ศูนย์กลางอำนาจรัฐ
 
พรรคอนาคตใหม่ ยื่นกระทู้สดในสภา พร้อมเรียกร้องยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษที่ชายแดนใต้ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 มอบให้คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตนตั้งขึ้นตรวจสอบ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบชัดเจน ด้าน พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงในที่ประชุมรัฐสภาวาระแถลงนโยบายรัฐบาลเป็นข้อมูลชุดเดียวกับฝ่ายทหารว่า อับดุลเลาะลื่นล้มเองเพราะหน้ามืด ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย พร้อมตั้งคำถามถึงคนที่คิดว่ามีการซ้อมทรมานจนเป็นวลีเด็ดที่ว่า “ดูหนังมากไปหรือเปล่า”
 
2-3 ส.ค.เกิดเหตุ “ระเบิดป่วนกรุงเทพฯ” ตามสถานที่สำคัญๆ อาทิ สำนักปลัด ก.กลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และย่านธุรกิจการค้ารวม 11 จุด ตามด้วย 24 ส.ค.เกิดเหตุ “ปล้นร้านทองเครือสุธาดากรุ๊ป” กลางตลาดนาทวีได้ไปกว่า 80 ล้านบาท โดยใช้รถตู้โดยสารสายปัตตานี-หาดใหญ่ที่ปล้นมาอีกทีหนึ่ง
 

เหตุการณ์ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลายังตัวเองหน้าบัลลังก์
 
4 ต.ค. เกิดเหตุ “ผู้พิพากษาศาลยะลายิงตัวเองหน้าบัลลังก์” กล่าวคือ คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา หลังอ่านคำพิพากษาคดีความมั่นคงเสร็จ ได้ไลฟ์เฟซบุ๊กอ่านคำแถลงเกี่ยวกับการถูกแทรกแซงด้านการตัดสินคดีจบแล้วใช้ปืนพกยิงตัวเองบนบัลลังก์ศาลต่อหน้าผู้ต่อหาและญาติๆ วันเดียวกัน ส.ต.อ.วุฒิกร จิตปุณปภัสร์ ใช้ปืนยิงตัวเองดับคาแฟลตตำรวจ สภ.เมืองยะล อีกทั้งมีอีก 3 จนท.รัฐใช้ปืนยิงตัวเองดับเช่นกันคือ 9 ต.ค. อส.อาคม หมั่นกิจ ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา 13 ต.ค. อส.สุชาติ ถิ่นนุ้ย ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา และก่อนหน้า 25 ก.ย. ส.ต.ท.ชาตรี ฮะปาน ที่ สภ.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
 
5 พ.ย.เกิดเหตุ “โจมตี 3 จุดที่ อ.เมืองยะลา” ประกอบด้วย จุดแรกที่จุดตรวจ ชคต.ลำพะยา จุดที่สองเผายางรถยนต์และโปรยตะปูเรือใบเส้นทางลำใหม่-นาประดู่ ไม่มีบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่จุดที่ 3 นี่เองที่สุดแสนสะเทือนขวัญและน้ำตาท่วมใจผู้คนใจสังคมเพราะเป็นการ “โจมคตีจุดตรวจ ชรบ.บ้านทางลุ่ม” ต.ลำพะยา ส่งผลให้กองกำลังประชาชนดับ 15 และเจ็บ 5 ขณะล้อมวงกินข้าวทั้งหม้อและจานเกลื่อนกระจาย
 

เหตุการณ์ถล่มจุดตรวจ ชรบ. 15 ศพที่ยะลา
 
ก่อนปิดท้ายด้วยข่าวใหญ่สะเทือนขวัญและกระทบจิตใตผู้คนในสังคมอย่างรุนแรงคือ 16 ธ.ค. “ทหารพลาดยิง 3 ชาวบ้านดับบนเทือกเขาตะเว” ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ปรากฏว่าหลังเกิดเหตุบรรดา “สื่อ 4,500” รายงานว่าเป็นเหตุ “ทหารพรานปะทะโจรใต้” แล้วผู้ตายเกิดจากการถูก “วิสามัญ” แต่ภายหลังคดีพลิกเป็นมี 6 ชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงรับจ้างนายทุนขึ้นไปลอบทำไม้เถื่อน แล้วเมื่อเจอทหารชุดลาดตระเวนหลบหนีไปได้ 3 ที่เหลืออีก 3 เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เรื่องนี้แม้กระทั่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ออกมาแถลงยอมรับถึงความผิดพลาด และเตรียมมีการเยียวยาศพละ 7.5 บล้านบาทแล้ว
  

เหตุการณ์ทหารพลาดยิงชาวบ้าน 3 ศพบนเทือกเขาตะเว
 
อย่างไรก็ตามทุกปรากฏการณ์ไม่ว่าจะน้ำตาท่วมวัด สะเทือนขวัญ กระทบใจ สั่นไหวการเมือง รวมถึงลุกลามออกนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ จ.พัทลุง กับ จ.สตูล และไม่เพียงเท่านั้นยังโหมไปโชนเปลวถึงกลางกรุงเทพมหานครที่จัดว่าเป็นศูนย์กลางอำนาจรัฐ ทุกเหตุการณ์ล้วนมีหลักฐานยืนยันหนักแน่นว่าเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับสถานการณ์ไฟใต้ และมิพักต้องตั้งคำถามว่าเป็นฝีมือปฏิบัติการของขบวนการบีอาร์เอ็น 
   


กำลังโหลดความคิดเห็น