ตรัง - เผาแล้วศพเจ้าของอู่ซ่อมรถ อ.รัษฎา จ.ตรัง ที่ถูกคนร้ายยิงถล่มเสียชีวิต ขณะที่ครอบครัวต่างผวาเกรงเกิดความไม่ปลอดภัย จนต้องส่งหลานอายุขวบเศษไปอยู่ต่างจังหวัด หลังตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้
วันนี้ (26 ธ.ค.) จากกรณีเกิดเหตุสองมือปืนโหดสวมหมวกไอ้โม่ง ร่วมกันใช้อาวุธสงครามชนิดอาก้า และอาวุธปืนพกสั้น ซุ่มดักยิงถล่ม นายธวัชชัย กลับขันธ์ อายุ 53 ปี เสี่ยอู่ซ่อมรถดับคารถยนต์กระบะ ส่วนภรรยาและลูกจ้างได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าอู่ธวัชชัยการช่าง เลขที่ 152 ม.1 ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง ขณะที่ผู้ตายพร้อมด้วยภรรยาและลูกจ้างซึ่งเป็นญาติกัน กำลังเดินทางกลับจากการไปร่วมงานศพ โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด ทางครอบครัวและญาติพี่น้องได้ร่วมกันประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพ นายธวัชชัย เสี่ยอู่ซ่อมรถ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเคลื่อนศพไปประกอบพิธีเผาที่เมรุวัดเขาพระ อ.รัษฎา ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด เนื่องจากทางครอบครัวและญาติพี่น้องยังทำใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้แพทย์ได้อนุญาตให้ นางอำภา กลับขันธ์ อายุ 54 ปี ภรรยา ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้กลับบ้านมาร่วมพิธีเผาศพสามีด้วย โดยมีลูกๆ และญาติพี่น้องต้องคอยดูแลสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด
ซึ่ง นางอำภา ยังคงร้องไห้ตลอดเวลา เนื่องจากยังทำใจไม่ได้ และทุกคนในครอบครัวรวมทั้งญาติพี่น้องยังอยู่ในสภาพหวาดผวา เนื่องจากยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ หวั่นจะไม่ปลอดภัยและคดีจะเงียบหลังจากเผาศพ นายธวัชชัย ไปแล้ว จึงเรียกร้องให้ทางตำรวจเร่งทำคดี และจับคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด
นางสาวอัมพวรรณ กลับขันธ์ อายุ 29 ปี ลูกสาวเสี่ยอู่ซ่อมรถ กล่าวว่า ตอนนี้แพทย์อนุญาตให้แม่กลับบ้านแล้ว ส่วนลูกจ้างอาการดีขึ้นแล้ว แต่ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ สภาพร่างกายแม่ดีขึ้น แต่สุขภาพจิตใจแม่ค่อนข้างย่ำแย่มาก ซึ่งตอนนี้ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดมากที่สุด
ในส่วนของคดีตนเองก็ทราบว่ามีความคืบหน้าบ้างแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าไปถึงไหนอย่างไร ตนเองจึงฝากบอกถึงตำรวจว่าอยากให้จับกุมตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะว่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว เนื่องจากหลังจากนี้ก็มีกันแค่ 3 คน คือ ตนเอง สามี และแม่ จึงอยากขอกำลังตำรวจคุ้มครอง ส่วนลูกสาวของตนเองอายุแค่ขวบเศษ จะส่งให้ไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดก่อนเพราะห่วงความปลอดภัย ส่วนอู่ซ่อมรถก็จะต้องเปิดทำการต่อ แต่ต้องอยู่อย่างหวาดผวา และหากคดีไม่คืบก็จะต้องไปสอบถามกับทางตำรวจต่อไป
